วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

งานฟื้นฟู "เราจะไป": ข่าวประเสริฐ (6/7)

4. ข่าวประเสริฐเป็นเรื่องพระคุณของพระเจ้า (1)

"9 เพราะว่าข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยที่สุดในพวกอัครทูต และไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นอัครทูต เพราะว่าข้าพเจ้าได้เคี่ยวเข็ญคริสตจักรของพระเจ้า
10 แต่ว่าข้าพเจ้าเป็นอยู่อย่างที่เป็นอยู่นี้ ก็เนื่องด้วยพระคุณของพระเจ้า และพระคุณของพระองค์ซึ่งได้ทรงประทานแก่ข้าพเจ้านั้น มิได้ไร้ประโยชน์ ตรงกันข้าม ข้าพเจ้ากลับทำงานมากกว่าพวกเขาเสียอีก มิใช่ตัวข้าพเจ้าเองทำ พระคุณของพระเจ้าซึ่งดำรงอยู่กับข้าพเจ้าต่างหากที่ทำ" (1โครินธ์ 15:9-10)

ไม่ว่าเราจะบาปเพียงไร พระองค์ก็ทรงช่วยเราได้

อาจารย์เปาโลได้เห็นพระคุณของพระเจ้า ที่พระองค์ได้ทรงเลือกท่าน ท่านสำนึกพระคุณเสมอ เพราะพระคุณของพระเจ้าได้ขับเคลื่อนชีวิตของท่าน

อะไรขับเคลื่อนชีวิตของเราอยู่? อะไรคือจุดยืนของเราในการดำเนินชีวิตคริสเตียนของเรา? ถ้าจุดยืนของเราอยู่ที่พระเยซูคริสต์ เราจะต้องพิจารณาการใช้ชีวิตของเรา เราจะต้องถามตัวเองว่า พระกิตติคุณที่เราเชื่อมีค่ามากเพียงไรกับชีวิตเรา? สิ่งที่เราเชื่อนั้นเป็นจริงหรือไม่? ถ้าเป็นเรื่องจริง เราควรจะตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงนั้นอย่างไร? แล้วเราจะสำนึกต่อพระคุณของพระเจ้าเช่นไร? คำถามเหล่านี้เราควรจะถามตัวเราเอง

พระคุณของพระเจ้า ได้ขับเคลื่อนชีวิตของอาจารย์เปาโล ท่านได้ประกาศข่าวประเสริฐอย่างทุ่มเทและเสียสละ ทำงานมาก ได้พบปัญหาเจออุปสรรคมากมาย ต้องต่อสู้กับการต่อต้านจากชาวยิวที่คิดว่าท่านเป็นคนที่หักหลัง เป็นคนทรยศต่อประเทศชาติ ต่อศาสนา ต่อความเชื่อ ต่อพระเจ้า คนยิวประณามอาจารย์เปาโล และตามฆ่าท่าน ท่านต้องหนีหัวซกหัวซุน เมื่ออาจารย์เปาโลจะเข้าไปหาพี่น้องคริสเตียน พี่น้องคริสเตียนก็ไม่ไว้ใจ เพราะคิดว่าท่านเป็นผู้ที่เข้ามาแฝงตัว ท่านเข้าวงในของกลุ่มคริสเตียนไม่ได้ ท่านได้ทำงานหนักเพื่อพิสูจน์ชีวิตของท่านเองต่อคริสเตียนทั้งหลาย ท่านไม่ย่อท้อต่อการรับใช้พระเจ้า เพราะท่านสำนึกพระคุณของพระเจ้าที่มีต่อท่านเสมอ

ไม่มีใครบาปเกินไปที่พระเจ้าจะทรงยกโทษให้ไม่ได้ และไม่มีใครเล็กน้อยเกินไปที่พระเจ้าทรงใช้ไม่ได้


ศจ. ยุทธศักดิ์ ศิริกุล

สรุปคำเทศนางานฟื้นฟู "เราจะไป" คริสตจักรสะพานเหลือง

เมื่อวันที่ 10/09/2010

เรื่อง ข่าวประเสริฐ

 

หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

 

วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

งานฟื้นฟู "เราจะไป": ข่าวประเสริฐ (5/7)

3. ข่าวประเสริฐเป็นเรื่องจริง (2)

คนกลุ่มนี้ (เหล่าสาวก) ไม่ว่าไปที่ไหน ผู้คนก็จะเรียกพวกเขาว่าเป็นพวกคว่ำโลก เพราะพวกเขาเหล่านี้ไม่กลัวความตาย

มัทธิว ประกาศที่เอธิโอเปีย ถูกดาบฟันเสียชีวิต

มาระโก ถูกลากไปตามถนนและถูกหินขว้างตายที่เมืองอเล็กซานเดรีย

ลูกา ประกาศที่เมืองกรีซ ถูกจับแขวนคอไว้บนต้นไม้

เปโตร ถูกตรึงบนไม้กางเขนโดยเอาหัวลง ที่กรุงโรม

ยากอบ ถูกตัดคอที่เยรูซาเล็ม

มัทธิว ถูกถลกหนัง

แอนดรู ท่านได้เทศนาเรื่องพระเยซูคริสต์จนถูกจับตรึงตายบนไม้กางเขน

ยูดาห์ ถูกธนูยิงจนตาย

อาจารย์เปาโล ถูกตัดศีรษะที่กรุงโรม

ทำไมคนเหล่านี้ยอมตายเพื่อพระเยซูคริสต์? ทำไมพวกเขาไม่กลัวที่จะเผชิญความทุกข์ยากลำบากและความตาย? ก็เพราะว่าพวกเขามีประสบการณ์ส่วนตัวกับการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์

ศ.โธมัส อาโนล ได้พิจารณาหลักฐานเกี่ยวกับชีวิต การสิ้นพระชนม์ และการเป็นจากความตายของพระคริสต์ เช่นเดียวกับที่ได้มีหลายหมื่นคนพยายามพิจารณาหลักฐานอย่างละเอียดรอบคอบ เหมือนที่ผู้พิพากษาพิจารณาคดีสำคัญ และท่านก็ได้พยายามทำเช่นนี้หลายครั้งหลายหน ไม่ใช่เพื่อชักจูงคนอื่น แต่เพื่อความพอใจของท่านเอง และท่านก็ได้พบว่าไม่มีข้อเท็จจริงใด ๆ ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ที่มีพยานหลักฐานทุกชนิดครบถ้วนเช่นนี้ นับเป็นพยานหลักฐานที่เชื่อถือได้มากที่สุด

ลอร์ด ลิน เฮิร์ด ประธานศาลฎีกาประเทศอังกฤษหลายสมัย และอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ ได้เขียนว่า

"ข้าพเจ้ามีความรู้ไม่น้อยเรื่องพยานหลักฐาน และข้าพเจ้าขอบอกว่าพยานหลักฐานเรื่องการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซูคริสต์ ยังไม่มีสิ่งใดมาหักล้างได้เลย"

ศ. ไซมอน กรีนลีฟ ผู้ก่อตั้งคณะนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ได้เขียนเกี่ยวกับพยานหลักฐานจากพระกิตติคุณทั้งสี่เล่ม ท่านได้สรุปหลังจากศึกษาว่า

"นี่คือความจริง พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมาจริง ๆ และพระองค์ทรงพระชนม์อยู่"

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเวลานั้น เป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ของโลก ข่าวประเสริฐเป็นเรื่องจริง เพราะไม่เพียงแต่เปลี่ยนชีวิตของคนในอดีต พระองค์ยังคงเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนในปัจจุบัน และพระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา เมื่อเรามีประสบการณ์กับพระองค์ เราจะรู้ว่าพระองค์ทรงสามารถเปลี่ยนแปลงมนุษย์ได้ ให้ความหวังนิรันดร์ได้

ถ้าพระเยซูคริสต์ไม่ได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว พวกเราก็เป็นคนที่น่าสมเพศมากที่สุด ที่มานมัสการคนตาย มีความหวังลม ๆ แล้ง ๆ และการเทศนาของอาจารย์เปาโลก็ไม่มีหลักการเลย


ศจ. ยุทธศักดิ์ ศิริกุล

สรุปคำเทศนางานฟื้นฟู "เราจะไป" คริสตจักรสะพานเหลือง

เมื่อวันที่ 10/09/2010

เรื่อง ข่าวประเสริฐ

 

หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

 

วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

งานฟื้นฟู "เราจะไป": ข่าวประเสริฐ (4/7)

3. ข่าวประเสริฐเป็นเรื่องจริง (1)

ถ้าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้า สิ่งที่พระองค์ตรัสก็ต้องเป็นความจริง พระวจนะก็เป็นความจริง ตลอดทุกยุคทุกสมัยมีคนมากมายพยายามพิสูจน์ว่าพระองค์ไม่ใช่พระเจ้า และพระคัมภีร์ไม่ใช่พระวจนะ แต่คนเหล่านั้นก็ต้องพ่ายแพ้ เพราะไม่สามารถพิสูจน์ได้ เพราะข่าวประเสริฐเป็นเรื่องจริง

"5 พระองค์ทรงปรากฏแก่เคฟาส แล้วแก่อัครทูตสิบสองคน
6 ภายหลัง พระองค์ทรงปรากฏแก่พวกพี่น้องกว่าห้าร้อยคนในคราวเดียว ซึ่งส่วนมากยังอยู่จนถึงทุกวันนี้ แต่บางคนก็ล่วงหลับไปแล้ว
7 ภายหลังพระองค์ทรงปรากฏแก่ยากอบ แล้วแก่อัครทูตทั้งหมด
8 ครั้งหลังที่สุดพระองค์ทรงปรากฏแก่ข้าพเจ้า ผู้เป็นเสมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนด" (1โครินธ์ 15:5-8)

ข่าวประเสริฐเป็นเรื่องจริง เพราะพระคริสต์ทรงฟื้นจากความตายจริง ๆ พระองค์ไม่ได้ฟื้นขึ้นมาโดยไม่มีใครเห็น แต่อาจารย์เปาโลได้บอกว่า พระองค์ได้ทรงปรากฎแก่อาจารย์เปาโล อัครทูต 12 คน และผู้เชื่อ 500 กว่าคนพร้อมกัน เหตุการณ์เหล่านี้เป็นประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่นิยาย ไม่ใช่นิทานหรือเรื่องที่แต่งขึ้นโดยมนุษย์ แต่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ เป็นประสบการณ์ของสาวกของพระองค์ และชีวิตพวกของเขาเมื่อได้พบพระองค์ก็เป็นชีวิตที่ไม่มีเหมือนเก่า

ถ้าเราอ่านถึงเรื่องราวของสาวกของพระเยซูคริสต์ในพระกิตติคุณ และในพระธรรมกิจการ เราจะพบว่าต่างกันเหมือนเป็นคนละคนเลย เพราะในกิจการ พวกเขาจริงจังกับการประกาศข่าวประเสริฐโดยไม่กลัวสิ่งใดเลย เขาให้พระเยซูคริสต์อย่างสุดหัวใจ และยอมตายเพื่อพระองค์ เพราะประสบการณ์ของเขา

ยากอบ เป็นน้องชายของพระเยซูคริสต์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยปฏิเสธพระองค์และคิดว่าพระองค์ทรงเป็นคนบ้า แต่หลังจากที่พระองค์ปรากฎแก่เขาหลังจากที่ทรงฟื้นพระชนม์แล้ว ยากอบก็ได้กลายเป็นผู้นำของคริสตจักร และเรียกพระองค์ว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า" เพราะเขามีประสบการณ์เห็นพระองค์ฟื้นจากความตาย

เปาโล เคยต่อต้านและข่มเหงคริสเตียน แต่เมื่อเขาได้เผชิญหน้ากับพระเยซูคริสต์ เขาได้รับการเปลี่ยนแปลงชีวิต เขาเคยเป็นผู้ที่ข่มเหงคริสเตียน เนื่องจากชาวยิวได้ถือว่าคริสเตียนเป็นพวกทรยศชาติ ทำลายชาติ จะต้องกำจัด และเปาโลก็เชื่อมั่นเช่นกันว่าคริสเตียนเป็นพวกที่สอนผิด แต่เมื่อเขาเดินทางไปดามัสกัส ก็ได้พบกับแสงสว่าง เขาได้รู้ทันทีว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่เขาไม่รู้ว่าคือผู้ใด

"3 เมื่อเซาโลเดินทางไปใกล้จะถึงเมืองดามัสกัส ในทันใดนั้น มีแสงสว่างส่องมาจากฟ้าล้อมตัวเขาไว้รอบ
4 เซาโลจึงล้มลงถึงดินและได้ยินพระสุรเสียงตรัสมาว่า 'เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าข่มเหงเราทำไม'
5 เซาโลจึงทูลถามว่า 'พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงเป็นผู้ใด' พระองค์ตรัสว่า 'เราคือเยซู ซึ่งเจ้าข่มเหง' " (กิจการ 9:3-5)

เซาโลไม่เคยคิดข่มเหงพระเจ้ามาก่อน เขาข่มเหงแต่คริสเตียน แต่เสียงนั้นกลับบอกว่าเขาได้ข่มเหงพระองค์ หลังจากนั้น ชีวิตของอาจารย์เปาโลก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย


ศจ. ยุทธศักดิ์ ศิริกุล

สรุปคำเทศนางานฟื้นฟู "เราจะไป" คริสตจักรสะพานเหลือง

เมื่อวันที่ 10/09/2010

เรื่อง ข่าวประเสริฐ

 

หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

 

วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

งานฟื้นฟู "เราจะไป": ข่าวประเสริฐ (3/7)

2. ข่าวประเสริฐเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุด

"เรื่องซึ่งข้าพเจ้ารับไว้นั้น ข้าพเจ้าได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลาย เป็นเรื่องสำคัญที่สุดคือว่าพระคริสต์ได้ทรงวายพระชนม์ เพราะบาปของเราทั้งหลาย ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์" (1โครินธ์ 15:3)

ข่าวประเสริฐ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา เป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์ทุกคน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรอดของจิตวิญญาณของมนุษย์ เป็นเรื่องที่มีคุณค่ามากที่สุด

มีสิ่งที่สำคัญ 2 สิ่ง ที่จะคงอยู่เป็นนิจนิรันดร์ ได้แก่ พระวจนะของพระเจ้า และจิตวิญญาณของมนุษย์

จิตวิญญาณมนุษย์จะดำรงอยู่นิรันดร์ ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณที่ได้รับการช่วยเหลือ พบกับความรอด และอยู่กับพระเจ้าตลอดไปเป็นนิตย์ หรือจิตวิญญาณที่จะต้องถูกพิพากษา และตกนรกเป็นนิตย์ เรื่องจิตวิญญาณมนุษย์จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

"เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลกแต่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร หรือผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาชีวิตของตนกลับคืนมา" (มัทธิว 16:26)

พระเยซูคริสต์ทรงตีค่าจิตวิญญาณมนุษย์มากกว่าสรรพสิ่งในโลก แต่หลายครั้งมนุษย์ตีค่าจิตวิญญาณของตัวเองน้อยเกินไป บางครั้งเราให้ความสำคัญกับสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้เพื่อการดำรงชีวิตมากเกินไป

นักเคมีผู้หนึ่ง ได้บอกว่า ร่างกายเรา ถ้านำเอาสารต่าง ๆ มาขาย จะมีค่าแค่ประมาณ 95 เซ็นต์ แต่นักเคมีอีกผู้หนึ่ง ก็ได้ศึกษา และได้พยายามศึกษาเช่นกัน หลังจากที่ศึกษาเสร็จแล้วบอกว่ามีค่าประมาณ 6,000,000 เหรียญ แต่ไม่ว่าแท้จริงแล้วจะเป็นเท่าไร พระเยซูคริสต์ทรงตีค่าชีวิตเรามากกว่าทรัพย์สมบัติทั้งโลก

อาจารย์เปาโลจึงได้เน้นย้ำความสำคัญของพระกิตติคุณ เพราะพระกิตติคุณเป็นเรื่องความรอดของมนุษย์

คริสเตียนทุกคนได้รับสิทธิพิเศษที่ได้ถือข่าวดีนี้ เพื่อที่จะบอกให้กับคนอื่น ๆ เพื่อที่จะได้ใช้ฤทธิ์เดชแห่งข่าวประเสริฐ เพราะข่าวประเสริฐเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า

"16 เพราะว่าข้าพเจ้าไม่มีความละอายในเรื่องข่าวประเสริฐ เพราะว่าข่าวประเสริฐนั้นเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความรอด พวกยิวก่อน แล้วพวกต่างชาติด้วย
17 เพราะว่าในข่าวประเสริฐนั้น ความชอบธรรมของพระเจ้าก็ได้สำแดงออก โดยเริ่มต้นก็ความเชื่อ สุดท้ายก็ความเชื่อ ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ" (โรม 1:16-17)

อาจารย์เปาโลเข้าใจถึงความสำคัญข่าวประเสริฐ เพราะท่านรู้ถึงฤทธิ์เดชของข่าวประเสริฐ ท่านจึงไม่มีความละอายในข่าวประเสริฐของพระเจ้า


ศจ. ยุทธศักดิ์ ศิริกุล

สรุปคำเทศนางานฟื้นฟู "เราจะไป" คริสตจักรสะพานเหลือง

เมื่อวันที่ 10/09/2010

เรื่อง ข่าวประเสริฐ

 

หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

 

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

งานฟื้นฟู "เราจะไป": ข่าวประเสริฐ (2/7)

1. ข่าวประเสริฐเป็นฐานที่มั่นคงของคริสตจักรและคริสเตียน

ไม่มีอะไรที่ทำลายความเชื่อของคริสเตียนได้ เพราะว่าฐานความเชื่อของเรามีศูนย์กลางอยู่ที่พระเยซูคริสต์

ถ้าเราทำลายความเชื่อในพระเยซูคริสต์ได้ ก็เป็นการทำลายคริสเตียน คริสตจักร และคริสตศาสนาได้เลยทีเดียว เพราะข่าวประเสริฐเป็นเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ และพระองค์ทรงเป็นมหาบุรุษที่ยิ่งใหญ่ในโลกนี้

ได้มีสถาบันต่าง ๆ วิเคราะห์ถึงผู้นำที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกนี้ และพระเยซูคริสต์ทรงเป็นอันดับหนึ่ง ยังไม่มีใครทำลายสถิตินี้ได้

ชีวิตของพระองค์เต็มไปด้วยการอัศจรรย์ พระองค์ทรงมีพระลักษณะที่โดดเด่นมาก คำสอนของพระองค์ก็ไม่มีวันตาย ชีวิตของพระองค์เต็มไปด้วยสิทธิอำนาจในการสั่งสอนและในการทำพันธกิจต่าง ๆ และข่าวประเสริฐก็เป็นเรื่องราวสำคัญเกี่ยวกับการฟื้นขึ้นมาจากความตายของพระองค์

ขณะที่อาจารย์เปาโลเขียนจดหมายถึงพี่น้องชาวโรม ท่านได้เขียนไว้ว่า

"3 ข่าวประเสริฐนั้นเกี่ยวกับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ผู้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์สืบเชื้อสายจากดาวิด
4 แต่ฝ่ายพระวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์นั้นบ่งไว้ด้วยฤทธานุภาพ คือโดยการเป็นขึ้นมาจากความตายว่า เป็นพระบุตรของพระเจ้า" (โรม 1:3-4)

ข่าวประเสริฐ เป็นเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ ที่ได้ทรงบังเกิดมาเป็นมนุษย์ อยู่ในโลกนี้ในสภาพของเนื้อหนัง ในสภาพของร่างกายมนุษย์จริง ๆ พระองค์ทรงดำเนินชีวิตตลอด 33 ปี และถูกตรึงไว้ที่ไม้กางเขน ถูกฝังไว้ ในวันที่สามทรงฟื้นขึ้นมาใหม่ และได้ทรงสำแดงพระองค์เองต่อไปอีก 40 วัน หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ต่อหน้าต่อตาเหล่าสาวก

เรื่องราวพระองค์อาจฟังดูเหมือนนิยายหรือนิทาน แต่แท้จริงแล้วเรื่องราวของพระองค์เป็นข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์

พระองค์ทรงเป็นมหาบุรุษยิ่งใหญ่ที่เคยอยู่ในโลกนี้ ชีวิตของบุรุษผู้นี้มีชัยชนะเหนือความตาย และเดี๋ยวนี้พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจยาก แต่นี่คือความเชื่อของคริสเตียนที่เป็นจุดยืนของเรา เราจะต้องเชื่อในเรื่องราวนี้ ถ้าเราจะทำให้คริสตจักรและชีวิตคริสเตียนของเรามั่นคง เพราะนี่คือฐานของความเชื่อ

การสร้างตึกโรงแรมอิมพีเรียลที่เมืองโตเกียว ซึ่งมักจะมีแผ่นดินไหว ผู้ที่ออกแบบการสร้างได้รับการท้าทายที่จะสร้างฐานของโรงแรมที่มั่นคง ที่จะสามารถต้านแรงแผ่นดินไหวได้ สถาปนิกผู้ที่ออกแบบนี้ได้ศึกษาเรื่องดิน และได้ออกแบบสร้างฐานซึ่งมีประสิทธิภาพมาก เมื่อเขาสร้างโรงแรมเสร็จ เพียงไม่กี่ปี ก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงสุดในรอบ 52 ปี ที่เมืองโตเกียว ตึกต่าง ๆ ล้อมรอบนั้นได้พังทลายหมด แต่มีโรงแรมอิมพีเรียลที่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ เพราะว่าฐานของโรงแรม

ชีวิตคริสเตียนก็เช่นเดียวกัน ฐานความเชื่อของเรา คือ พระเยซูคริสต์ และข่าวประเสริฐก็เป็นเรื่องราวขององค์พระเยซูคริสต์ที่ยังทรงพระชนม์อยู่ ดังนั้นการพูดถึงเรื่องข่าวประเสริฐ เราจะต้องพูดถึงพระองค์ ซึ่งจะเป็นเหตุให้ความเชื่อของเรามั่นคงยิ่งขึ้น


ศจ. ยุทธศักดิ์ ศิริกุล

สรุปคำเทศนางานฟื้นฟู "เราจะไป" คริสตจักรสะพานเหลือง

เมื่อวันที่ 10/09/2010

เรื่อง ข่าวประเสริฐ

 

หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

 

วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

งานฟื้นฟู "เราจะไป": ข่าวประเสริฐ (1/7)


"1 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอให้ท่านคำนึงถึงข่าวประเสริฐ ที่ข้าพเจ้าเคยประกาศแก่ท่านทั้งหลาย ซึ่งท่านได้ยอมรับไว้ อันเป็นฐานซึ่งท่านทั้งหลายตั้งมั่นอยู่
2 และซึ่งจะทำให้ท่านรอด ถ้าท่านยังยึดตามหลักคำสอนที่ข้าพเจ้าได้ประกาศนั้น เว้นเสียแต่ท่านได้เชื่อเฉยๆ
3 เรื่องซึ่งข้าพเจ้ารับไว้นั้น ข้าพเจ้าได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลาย เป็นเรื่องสำคัญที่สุดคือว่าพระคริสต์ได้ทรงวายพระชนม์ เพราะบาปของเราทั้งหลาย ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์
4 และทรงถูกฝังไว้ แล้ววันที่สามพระองค์ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่ ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์นั้น
5 พระองค์ทรงปรากฏแก่เคฟาส แล้วแก่อัครทูตสิบสองคน
6 ภายหลัง พระองค์ทรงปรากฏแก่พวกพี่น้องกว่าห้าร้อยคนในคราวเดียว ซึ่งส่วนมากยังอยู่จนถึงทุกวันนี้ แต่บางคนก็ล่วงหลับไปแล้ว
7 ภายหลังพระองค์ทรงปรากฏแก่ยากอบ แล้วแก่อัครทูตทั้งหมด
8 ครั้งหลังที่สุดพระองค์ทรงปรากฏแก่ข้าพเจ้า ผู้เป็นเสมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนด
9 เพราะว่าข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยที่สุดในพวกอัครทูต และไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นอัครทูต เพราะว่าข้าพเจ้าได้เคี่ยวเข็ญคริสตจักรของพระเจ้า
10 แต่ว่าข้าพเจ้าเป็นอยู่อย่างที่เป็นอยู่นี้ ก็เนื่องด้วยพระคุณของพระเจ้า และพระคุณของพระองค์ซึ่งได้ทรงประทานแก่ข้าพเจ้านั้น มิได้ไร้ประโยชน์ ตรงกันข้าม ข้าพเจ้ากลับทำงานมากกว่าพวกเขาเสียอีก มิใช่ตัวข้าพเจ้าเองทำ พระคุณของพระเจ้าซึ่งดำรงอยู่กับข้าพเจ้าต่างหากที่ทำ
11 เหตุฉะนั้นแม้ตัวข้าพเจ้าก็ดี หรือพวกเขาก็ดี เราทั้งหลายก็ได้ประกาศอย่างที่กล่าวมานั้น และท่านทั้งหลายก็ได้เชื่ออย่างนั้น" (1โครินธ์ 15:1-11)


ถ้าคริสตจักรสะพานเหลืองอยู่มาได้ถึง 114 ปี ก็ย่อมแสดงว่ามีอะไรมากมายที่อยู่ในคริสตจักรแห่งนี้ แต่บางครั้งเราอาจไม่รู้ว่ามีของดีอยู่ ดังนั้น ขอที่เราจะใช้ศักยภาพของเราเพื่อขยายแผ่นดินของพระเจ้าและพระสิริของพระองค์

อาจารย์เปาโลได้เขียนจดหมายถึงพี่น้องชาวเมืองโครินธ์ เพื่อที่จะให้พวกเขาเข้าใจถึงความล้ำลึกของน้ำพระทัยของพระเจ้า

พระวจนะลับลึกเกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจได้ และผู้ที่จะเข้าใจถึงพระวจนะของพระองค์ได้ ก็คือ ผู้ที่พระเจ้าได้ทรงเปิดเผย

ในชีวิตคริสเตียน เราไม่ได้ดำเนินชีวิตอย่างโดดเดี่ยว แต่เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่คอยช่วยเรา และพระวิญญาณกับเนื้อหนังต่อสู้กันตลอด

บางครั้งเราอยากติดตามพระเจ้า แต่เนื้อหนังล่อลวงเรา นำเราไปจากทางของพระเจ้า ลืมพระวิญญาณ แต่พระเยซูคริสต์ได้ตรัสว่าพระองค์ได้ทรงประทานพระวิญญาณของพระองค์ให้อยู่กับเรา

ขอพระเจ้าทรงเปิดเผยเราให้เข้าใจพระวจนะของพระองค์

คริสตจักรที่เมืองโครินธ์เต็มไปด้วยศักยภาพ เต็มไปด้วยผู้ที่มีของประทานฝ่ายวิญญาณมากมาย แต่ขณะเดียวกัน คริสตจักรที่นั่นก็มีปัญหามากมายในการใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณอย่างไม่ถูกต้อง มีการแตกแยกกันเป็นอย่างน้อย 4 กลุ่ม เป็นก๊กเปาโล ก๊กอปอลโล ก๊กเปโตร และก๊กพระเยซูคริสต์ การแตกแยกในความคิดนี้ทำให้โครินธ์ไม่ได้ใช้ศักยภาพเต็มที่อย่างที่พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะใช้พวกเขา

นอกจากนี้ คริสตจักรโครินธ์เต็มไปด้วยความผิดบาป เต็มไปด้วยคริสเตียนฝ่ายเนื้อหนัง แต่ขอบคุณพระเจ้าที่คริสตจักรเมืองโครินธ์ยังคงเชื่อฟังการตักเตือนของอาจารย์เปาโล ึ่งท่านอยากให้พวกเขาเข้าใจความสำคัญของการประกาศพระกิตติคุณ

มีคน 2 ประเภท ที่ไม่ชอบการประกาศพระกิตติคุณ นั่นคือ คนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียน และคริสเตียน

บางครั้งเราคิดว่าผู้ที่ไม่เชื่อจะไม่ชอบฟังพระกิตติคุณ และคริสเตียนก็ไม่ชอบที่จะประกาศเช่นกัน แต่แท้จริงแล้ว ในประเทศไทย เวลานี้เป็นเวลาที่คนไทยหิวกระหายหาพระเจ้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในประเทศไทย

การที่คริสเตียนหลายคนไม่ชอบและไม่เห็นคุณค่าของการประกาศพระกิตติคุณ หลายครั้งเป็นเพราะขาดความเข้าใจ แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่าถ้าเราเข้าใจเรื่องข่าวประเสริฐ ข่าวประเสริฐจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา และชีวิตเราจะอยู่เฉยไม่ได้

ข้าพเจ้าทำงานกับนักศึกษา อาจารย์ที่มหาวิทยาลัย และนักธุรกิจ และมักจะได้พบคำถามที่ท้าทายเกี่ยวกับเหตุผลเรื่องความเชื่อคริสเตียน และหลายครั้งมีคำถามที่ทำให้คริสเตียนเรากลับมาถามตัวเราเองว่าความเชื่อของเรานั้นมีเหตุผลหรือไม่ นี่เป็นความสำคัญของการปกป้องความเชื่อของเรา

ถ้าเราดูจากพระวจนะของพระเจ้าในตอนนี้ อาจารย์เปาโลให้เราคิดให้ดีในเรื่องข่าวประเสริฐ ซึ่งเป็นรากฐานของความเชื่อของเรา


ศจ. ยุทธศักดิ์ ศิริกุล

สรุปคำเทศนางานฟื้นฟู "เราจะไป" คริสตจักรสะพานเหลือง

เมื่อวันที่ 10/09/2010

เรื่อง ข่าวประเสริฐ

 

หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

 

วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

รักวิเศษ (7/7)

3. รักของพระเจ้าเป็นรักวิเศษ ทำให้เรามีความหวังและมีความสุขนิจนิรันดร์ (2)

ข้าพเจ้าทำงานกับนักโทษ ข้าพเจ้าเหน็ดเหนื่อยมาก และสนุกมากเช่นกัน ตอนที่ข้าพเจ้าสนุกมากที่สุด ก็คือ ตอนที่เห็นคนที่ออกจากคุกมีงานทำ

เดือนที่แล้วมี 12 คนได้รับการปล่อยตัวออกมา และพักอยู่กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าสอนพระคัมภีร์ถึงความรักของพระเจ้า 2-3 อาทิตย์ วันนี้ 12 คนนั้นมีงานทำอย่างดี ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นสิ่งอัศจรรย์มาก เมื่อเขารักพระเจ้า เชื่อในพระเจ้า พระเจ้าจัดเตรียมสิ่งที่ดีเกินกว่าที่พวกเขาจะเข้าใจได้

หญิงคนหนึ่ง อยู่ในคุก 15 ปี เมื่อเธอออกมา เธอแทบไม่รู้จักถนนหนทางในกรุงเทพฯ เลย เพราะเธอเข้าในคุกตั้งแต่อายุ 21 ปี ออกมาก็อายุย่าง 37 ปี แต่ในที่สุด เธอก็ได้งานที่บริษัทแห่งหนึ่งที่แถว ๆ ถนนสีลม

ชายคนหนึ่ง อยู่ในคุก 7 ปี ได้เข้าไปทำงานในธนาคารซิตี้แบงค์

และมีอีกคนหนึ่ง ได้ทำงานในบริษัทโตโยต้า

มีหลาย ๆ คนได้งานที่ดี ข้าพเจ้ามีความสุข เพราะนี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าได้พบเห็นเป็นคำตอบจากพระเจ้า สำหรับผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ และรับความรักพระองค์เข้ามาในชีวิต พระองค์จะทรงประทานความหวัง ความสุข และความเจริญก้าวหน้าให้แก่คนเหล่านั้น

ข้าพเจ้าอยากอ้อนวอนและเรียกร้องท่านทั้งหลาย

สำหรับผู้ที่เป็นคริสเตียน ขอพระเจ้าอวยพรที่ท่านจะรับใช้พระเจ้ามาก ๆ ขึ้น และเมื่อดำเนินชีวิตทุกวัน ขอความรักของพระเจ้าเติบใหญ่ในชีวิตของท่านตลอดเวลา

สำหรับพี่น้องที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า ข้าพเจ้าขอท้าทายว่า พระเจ้าทรงรักท่าน และพระองค์ทรงเตรียมสิ่งที่ดีในชีวิต สิ่งเดียวที่ท่านควรจะทำ คือ ให้ท่านเลือกว่า ท่านจะเป็นแบบคนเดิม หรือจะรับความอัศจรรย์ใหม่เข้ามาในชีวิตของพวกท่าน

ถ้าท่านอยากพบการอัศจรรย์เกิดขึ้นในชีวิต อยากจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่พระเจ้าจะทรงประทานให้แก่ท่าน ท่านจะต้องเชื่อและวางใจในพระองค์

 

ศจ. สุนทร สุนทรธาราวงศ์

การนมัสการภาคภาษาจีน คริสตจักรสะพานเหลือง

เมื่อวันที่ 31/10/2010

เรื่อง รักวิเศษ

 

หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ