วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 30 (บทความสอนใจประจำวัน 30 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 30

"If you want to boast, boast only about the Lord." (1 Corinthians 1:31)

We should boast only in the Lord. We glory in Him as gracious and merciful, showing loving-kindness in the earth; as our God and Friend; In Christ, as crucified for our sins, raised from the dead for our justification, and ascended to heaven in order to pray for us.

This is our glory that we are one with Christ, and one with the Father through Him; that we are heirs of God, and joint-heirs with Jesus Christ.

As God’s grace reaches more and more people, there will be more thanksgiving and God will receive more and more glory.

"God bless you and keep you and give you His love;
God prosper your labour with help from above.
Be His strength in your arm and His love in your soul,
His smile your reward and His glory your goal."
(Unknown Author)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 30 กรกฎาคม

"ให้ผู้โอ้อวด อวดองค์พระผู้เป็นเจ้า" (1 โครินธ์ 1:31 THSV2011)

เราควรที่จะโอ้อวดองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงผู้เดียว เราโอ้อวดพระองค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระคุณและพระเมตตา และทรงสำแดงความรักความเมตตาบนโลกนี้ เราโอ้อวดพระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าและสหายของเรา เราโอ้อวดพระองค์เพราะในพระคริสต์ พระองค์ได้สละพระชนม์เพื่อบาปทั้งหลายของเรา คืนชีวิตจากความตายเพื่อให้เราได้รับความชอบธรรม และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์เพื่อที่จะได้อธิษฐานเพื่อเรา

นี่เป็นเกียรติสิริของเราที่เราได้เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์และเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระบิดาผ่านทางพระองค์ ที่เราได้เป็นทายาทของพระเจ้า และเป็นทายาทร่วมกับพระเยซูคริสต์

ในเมื่อพระคุณของพระเจ้าได้มาถึงยังผู้คนมากยิ่งขึ้น ก็จะมีการขอบพระคุณพระเจ้ามากยิ่งขึ้น และพระเจ้าก็จะได้รับเกียรติสิริมากยิ่งขึ้น

"ขอพระเจ้าอวยพรท่านและพิทักษ์รักษาท่านและประทานความรักที่แท้ของพระองค์แก่ท่าน
ขอพระเจ้าทรงอวยพรการงานของท่านพร้อมกับความช่วยเหลือจากเบื้องบน
ขอพระกำลังของพระองค์อยู่ในแขนของท่าน และขอความรักที่แท้ของพระองค์อยู่ในจิตใจของท่าน
ขอรอยยิ้มของพระองค์เป็นรางวัลของท่าน และพระเกียรติสิริเป็นเป้าหมายของท่าน"
(ไม่ทราบผู้แต่ง)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 29 (บทความสอนใจประจำวัน 29 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 29

"I am a stranger in the earth." (Psalm 119:19)

As believers in Jesus, we are strangers here and citizens of heaven; our true family, treasure, and hearts are there.

Here we have no fixed home; nor should we take part in worthless deeds of evil; instead expose them.

The Bible is our light, our food, and our joy. Jesus promises to be our Friend and Guide. We should pray for the country in which we live; we should be thankful for it but set our affections on things above.

We should be neither impatient or reluctant to going home, but submit to our Father’s will. We should think of ill- treatment as permitted to do us good; and contrast our present state with heaven- our true home.

"I’d rather have Jesus than silver or gold;
I’d rather be His than have riches untold;
I’d rather have Jesus than anything
This world affords today."
(Rhea F. Miller, hymn "I'd Rather Have Jesus")

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 29 กรกฎาคม

"ข้าพระองค์เป็นคนต่างด้าวบนแผ่นดินโลก" (สดุดี 119:19 THSV2011)

ในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู เราเป็นคนต่างด้าวบนแผ่นดินโลก และเป็นพลเมืองชาวสวรรค์ ครอบครัวที่แท้ ทรัพย์สมบัติ และหัวใจของเราล้วนอยู่ที่นั่น

ที่นี่เราไม่มีบ้านที่ถาวร เราไม่ควรที่จะเข้าร่วมในการกระทำที่ชั่วร้ายอันไร้ค่า แต่เราควรจะเปิดเผยสิ่งเหล่านั้น

พระคัมภีร์เป็นแสงสว่างของเรา อาหารของเรา ความชื่นบานของเรา พระเยซูสัญญาที่จะเป็นสหายของเราและผู้ชี้ทางของเรา เราควรจะอธิษฐานเผื่อสำหรับประเทศที่เราอาศัยอยู่ เราควรจะขอบพระคุณสำหรับสิ่งนั้น แต่ให้จิตใจของเราจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่เบื้องบน

เราไม่ควรที่จะขาดความอดทนหรือลังเลใจที่จะกลับบ้าน แต่ยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระบิดาของเรา เราควรคิดถึงการถูกปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมว่าเป็นสิ่งที่ได้รับอนุญาตให้เกิดขึ้นเพื่อก่อให้เกิดผลดีแก่เรา และให้เราเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างสภาวะในปัจจุบัน และสวรรค์ อันเป็นบ้านที่แท้จริงของเรา

"ข้าฯ ปรารถนาพระเยซูมากกว่าเงินหรือทอง
ข้าฯ ปรารถนาที่จะเป็นของพระองค์มากกว่าความมั่งมีเหลือคณานับได้
ข้าฯ ปรารถนาพระเยซูมากกว่าสิ่งใดๆ
ที่โลกนี้จะหยิบยื่นให้ได้ในวันนี้"
(Rhea F. Miller, hymn "I'd Rather Have Jesus")

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

Daily Remembrancer by J. Smith, July 28 (บทความสอนใจประจำวัน 28 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 28

"He will rescue us again." (2 Corinthians 1:10)

How many times God has rescued us from dangers! He will continue to do so.

He delivered us from spiritual death, by the blessed work of His Holy Spirit, and from eternal death by the sacrifice of His Son.

We were spiritually dead, but are now alive unto God, through faith in Jesus Christ. He who delivered us from the greatest evil- spiritual death, will not refuse to deliver us from lesser dangers!

Let us trust Him to deliver us. He knows how to deliver His people out of temptation. Paul testified, "The Lord stood with me, and strengthened me; and I was delivered out of the mouth of the lion; and the Lord shall deliver me from every evil work, and will preserve me unto His heavenly kingdom; to Whom be glory for ever and ever. Amen." (2 Timothy 4:17-18)

He who began the good work will complete it.

"How sweet the name of Jesus sounds
In a believer’s ear!
It soothes his sorrows, heals his wounds,
And drives away his fear."
(John Newton, hymn "How sweet the Name of Jesus sounds")

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 28 กรกฎาคม

"พระองค์จะช่วยเราอีก" (2 โครินธ์ 1:10 THSV2011)

กี่ครั้งกี่คราที่พระเจ้าได้ช่วยชีวิตเราจากภยันตราย! พระองค์จะทำเช่นนั้นต่อไป

พระองค์ช่วยเราให้รอดพ้นจากความตายฝ่ายวิญญาณ ด้วยการงานแห่งพระพรของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และให้รอดพ้นจากความตายนิรันดร์ ด้วยการสละพระชนม์ของพระบุตรของพระองค์

เราเคยเป็นคนตายฝ่ายวิญญาณ แต่บัดนี้เรากลับมีชีวิตสู่พระเจ้า ผ่านทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์ พระองค์ผู้ที่ช่วยให้เรารอดพ้นจากความชั่วร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อันได้แก่ความตายฝ่ายวิญญาณ จะไม่ปฏิเสธที่จะช่วยเราให้รอดพ้นจากภยันตรายที่เล็กน้อยกว่านั้น!

ขอให้เราวางใจว่าพระองค์จะทรงช่วยเราให้รอดพ้น พระองค์ทรงทราบว่าจะช่วยประชากรของพระองค์ให้รอดพ้นจากการทดลองได้อย่างไร เปาโลได้กล่าวยืนยันว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยืนอยู่ใกล้และประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า ... แล้วข้าพเจ้าจะได้รับการช่วยให้รอดจากปากสิงโต ... และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะโปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากการร้ายทุกอย่าง และจะทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ของพระองค์ ขอพระสิริมีแด่พระองค์สืบๆ ไปชั่วนิตย์นิรันดร์ อาเมน" (2 ทิโมธี 4:17-18 THSV)

พระเจ้าผู้ทรงเริ่มต้นการดีจะทำให้สำเร็จ

"พระนามของพระเยซูช่างฟังดูหวานชื่นเพียงไร
ในหูของผู้เชื่อคนหนึ่ง!
พระนามนั้นบรรเทาความเศร้าโศกของเขา เยียวยาบาดแผลของเขา
และขับเอาความกลัวของเขาออกไป"
(John Newton, เพลง "How sweet the Name of Jesus sounds")

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 27 (บทความสอนใจประจำวัน 27 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 27

"I will wait for the Lord." (Isaiah 8:17)

The Lord had concealed His face. Yet the church determined not to give in to fear. It is a great trial to the believer when God withdraws a consciousness of His presence, but it is still the believer’s privilege to wait daily in prayer, fully persuaded that God will in His time turn again, and display His forgiving love.

We must not give up hope; but we must wait in faith, believing His word and trusting His faithfulness. Nothing should be allowed to weaken our faith in God’s Word. He waits for the best time to be gracious, and we should wait for His time to be comforted, or delivered.

Wait on the Lord, and keep His way. Wait as a servant for the master’s return; as a child for the father’s blessing.
Jesus says, "Behold I come quickly." (Revelation 22:20)

"I waited for the Lord my God
And patiently did bear;
At length to me He did incline
My voice and cry to hear." (Psalm 40:1)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 27 กรกฎาคม

"ข้าพเจ้าจะรอคอยพระยาห์เวห์" (อิสยาห์ 8:17 THSV2011)

องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ปกปิดพระพักตร์ของพระองค์ไว้ อย่างไรก็ดี คริสตจักรตัดสินใจที่จะไม่กลัว

นี่เป็นการทดลองที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้เชื่อ เมื่อพระเจ้านำความรู้สึกตัวของการสถิตอยู่ของพระองค์ออกไป แต่นั่นยังคงเป็นสิทธิพิเศษสำหรับผู้เชื่อที่จะรอคอยพระองค์ในแต่ละวันด้วยการอธิษฐาน ด้วยความเชื่อมั่นว่าพระเจ้าจะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่ง และสำแดงถึงความรักที่แท้ (=ความเมตตากรุณา) ของพระองค์ที่นำมาซึ่งการอภัยบาป

เราจะต้องไม่เลิกหวังใจในพระองค์ แต่เราจะต้องรอคอยในความเชื่อ ด้วยเชื่อในพระคำของพระองค์ และวางใจในความสัตย์ซื่อของพระองค์ อย่ายอมให้สิ่งใดเลยมาทำให้ความเชื่อของเราในพระคำของพระเจ้าต้องอ่อนแอลง พระองค์รอคอยเวลาที่ดีที่สุดที่จะสำแดงพระคุณ และเราก็ควรที่จะรอคอยเวลาของพระองค์เมื่อเราจะได้รับการปลอบโยนจิตใจหรือได้รับการช่วยให้รอดพ้น

จงรอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้า และดำรงอยู่ในทางของพระองค์ รอคอยเหมือนดั่งผู้รับใช้คนหนึ่งที่รอคอยการกลับมาของเจ้านาย เหมือนดั่งบุตรคนหนึ่งที่รอคอยการอวยพรจากพ่อ

พระเยซูตรัสว่า "เราจะมาในเร็วๆ นี้แน่นอน" (วิวรณ์ 22:20 THSV2011)

"ข้าพเจ้าได้อดทนรอคอยพระยาห์เวห์ พระองค์ได้เอนพระองค์มายังข้าพเจ้า และฟังคำร้องทูลของข้าพเจ้า" (สดุดี 40:1 THSV2011)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 26 (บทความสอนใจประจำวัน 26 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 26

"Do not receive the grace of God in vain." (2 Corinthians 6:1)

By "the grace of God" we are to understand "the everlasting gospel." It proclaims that God has come down to us in the person of Jesus Christ; that He has accepted the sufferings and death of Jesus, as the ground of our deliverance from death, and as our entitlement to Eternal Life.

God now assures us that He is our Friend; that He views us in Jesus as a NEW CREATION, all former things are passed away and forgotten; and He will make all who receive His word, and believe His Son, the righteousness of God in Him.

God encourages us to grow in faith, love and usefulness. Let us not receive this glorious message in vain.

"Defend me, Lord, from hour to hour,
And bless Your servant’s way,
Increase Your Holy Spirit’s power
Within me day by day.
Help me to be what I should be,
And do what I should do,
And ever with Your Spirit free,
My daily life renew."
(Unknown Author)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 26 กรกฎาคม

"อย่ารับพระคุณของพระเจ้าโดยไม่เกิดประโยชน์" (2 โครินธ์ 6:1 THSV2011)

โดย "พระคุณของพระเจ้า" เราจำเป็นต้องเข้าใจ "พระบารมีนิรันดร์ของพระเจ้า" (=ข่าวประเสริฐนิรันดร์) ซึ่งประกาศว่าพระเจ้าได้เสด็จลงมาหาเราในพระบุคคลของพระเยซูคริสต์ ว่าพระองค์ได้ยอมรับความทุกข์ยากและความตายของพระเยซู ให้เป็นพื้นฐานแห่งการรอดพ้นจากตายของเรา และให้เรามีสิทธิที่จะได้รับชีวิตนิรันดร์

พระเจ้าทำให้เราเชื่อมั่นว่าพระองค์เป็นสหายของเรา ว่าพระองค์ทอดพระเนตรเห็นว่าเราเป็น "คนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว" ในพระเยซู สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไปและถูกลืมเรียบร้อยแล้ว และในพระองค์ พระองค์จะทำให้บรรดาผู้ที่รับเอาพระคำของพระองค์และเชื่อวางใจในพระบุตรของพระองค์ ได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้า

พระเจ้าส่งเสริมให้เราเติบโตในความเชื่อ ความรักที่แท้ และการเป็นคนใช้การได้ ขอที่เราจะไม่รับเอาข้อความแห่งพระเกียรติสิรินี้โดยไม่เกิดประโยชน์

"โอพระเจ้า ขอทรงปกป้องข้าฯ ในทุกๆ ชั่วโมง
และอวยพรหนทางของผู้รับใช้ของพระองค์
ขอทรงเพิ่มฤทธิ์อำนาจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์
ที่อยู่ภายในข้าฯ ทุกๆ วัน
ขอทรงช่วยข้าฯ ให้เป็นสิ่งที่ข้าฯ ควรจะเป็น
และทำในสิ่งที่ข้าฯ ควรจะทำ
และเป็นไทตลอดเวลาด้วยพระวิญญาณของพระองค์
ขอทรงทำให้ชีวิตประจำของข้าฯ มีชีวิตชีวา"
(ไม่ทราบผู้แต่ง)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 25 (บทความสอนใจประจำวัน 25 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 25

"Be still, and know that I am God." (Psalm 46:10)
The infinitely wise, gracious, all powerful God orders the affairs of His children.
Sometimes we are amazed at the troubles that come our way! Reason is confused, our faith Is shaken; but God’s Word reminds us to "Be still." He will not harm us, nor will He let others do so. We must wait before Him, as a lamb in the shepherd’s arms. He does according to His will in heaven and on earth. No one can question God’s right to do His will.
Let us then be silent before Him. He is our God, and we are His people; His mercy and His truth are everlasting. Let us not complain, for He is our Heavenly Father; let us not fear, for He is faithful; let us pray to Him, surrendering ourselves into His hands with, "Here I am, do with me as seems good to You."
"Father, thank You that in every trial, challenge, and difficulty, You are behind the scenes working things out for our good. Help us to see Your hand in everything. Amen."
(Our Daily Bread 12/10/2009)
Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie

บทความสอนใจประจำวัน 25 กรกฎาคม

"จงนิ่งเสีย และรู้เถิดว่า เราคือพระเจ้า" (สดุดี 46:10 THSV2011)
พระเจ้าผู้ทรงมีพระปัญญาอย่างไม่จำกัด เปี่ยมด้วยพระคุณ และทรงฤทธานุภาพสูงสุด ได้จัดระเบียบเรื่องราวของบุตรของพระองค์
บางครั้งเราก็อัศจรรย์ใจเมื่อปัญหาเกิดขึ้นในทางของเรา! เหตุผลก็สับสน ความเชื่อของเราก็สั่นคลอน แต่พระคำของพระเจ้าเตือนเราให้ "นิ่งเสีย" พระเจ้าจะไม่ทำร้ายเราหรือยอมให้ใครทำร้ายเราเลย เราจะต้องรอคอยพระองค์เหมือนดังที่ลูกแกะที่อยู่ในอ้อมแขนของผู้เลี้ยง พระองค์ทำตามพระประสงค์ของพระองค์ในสวรรค์และบนโลกนี้ ไม่มีใครสงสัยได้เลยถึงสิทธิอำนาจของพระเจ้าในการที่พระองค์ทำตามพระประสงค์ของพระองค์
ดังนั้น ขอให้เราสงบเงียบต่อพระพักตร์พระองค์ พระองค์เป็นพระเจ้าของเรา และเราเป็นประชากรของพระองค์ พระเมตตาและความจริงของพระองค์ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ ขอที่เราจะไม่บ่น เพราะพระองค์เป็นพระบิดาในสวรรค์ของเรา ขอที่เราจะไม่กลัว เพราะพระองค์ทรงสัตย์ซื่อ ขอให้เราอธิษฐานต่อพระองค์ ด้วยยอมจำนนตัวของเราเองให้อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ พร้อมกล่าวว่า "ข้าพระองค์อยู่ที่นี่ ขอทรงทำกับข้าพระองค์ตามที่พระองค์ทรงเห็นชอบเถิด"
"พระบิดาเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงกระทำกิจอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้เกิดผลดีแก่ข้าพระองค์ในทุกๆ การทดลอง ความท้าทายและความยากลำบาก ขอทรงโปรดช่วยให้เรามองเห็นพระหัตถ์ของพระองค์ในทุกสิ่ง อาเมน"
(มานาประจำวัน 12/10/2009)
Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 24 (บทความสอนใจประจำวัน 24 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 24

"The way of peace." (Romans 3:17)

Peace is an invaluable blessing. It is obtained by receiving God’s Word into our hearts; by repenting of our sins; by believing on Jesus as able and willing to save us; by relying simply and always on Him for all we need; and by daily surrendering all to infinite love.

If we would be kept in peace, we must trust in the promises; live by God’s commands; be loyal to the King of Kings; speak daily with our Father in heaven confessing our sins, loving all and setting our affections on things above.

This is the Way, walk in it. There is no peace but by Christ, therefore stay close to Christ.

"There is no path to heavenly bliss,
Or solid joy, or lasting peace,
But Christ, the appointed road:
Oh, may I tread the sacred way,
By faith rejoice, and praise, and pray,
Till I sit down with God."
(Unknown Author)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 24 กรกฎาคม

"ทางแห่งสันติสุข" (โรม 3:17 THSV2011)

สันติสุขเป็นพระพรที่ประเมินค่าไม่ได้ เราได้มาด้วยการรับเอาพระคำของพระองค์เข้าสู่จิตใจของเรา ด้วยการกลับใจจากบาปทั้งหลายที่เราทำ ด้วยการเชื่อในพระเยซูผู้ทรงเต็มพระทัยและปรารถนาที่จะช่วยเราให้หลุดพ้น (รอด) ด้วยการพึ่งพาพระองค์อย่างเรียบง่ายตลอดเวลาสำหรับสิ่งจำเป็นทั้งสิ้นในชีวิตของเรา และด้วยการยอมจำนนทุกสิ่งในแต่ละวันให้กับความรักที่แท้จริงที่ไร้ขีดจำกัด

หากเราจะดำรงอยู่ในสันติสุข เราต้องวางใจในพระสัญญา ดำรงชีวิตตามพระบัญชาของพระเจ้า จงรักภักดีต่อกษัตรย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลาย พูดคุยกับพระบิดาในสวรรค์ของเราในทุกๆ วัน พร้อมด้วยสารภาพบาปของเรา มีความรักที่แท้ให้กับทุกคน และให้ความรักของเราจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่เบื้องบน

นี่คือหนทาง จงดำเนินชีวิตในหนทางนี้ ไม่มีสันติสุขนอกจากที่เราได้รับจากพระคริสต์ ด้วยเหตุนี้ จงอยู่ใกล้พระคริสต์

"ไม่มีทางใดที่ไปสู่ความสุขสำราญแห่งสวรรค์
หรือความชื่นบานที่มั่นคง หรือสันติสุขที่ดำรงอยู่
แต่พระคริสต์ทรงเป็นถนนนั้นที่ได้กำหนดไว้
โอ ขอที่ข้าฯ จะเดินบนทางอันศักดิ์สิทธิ์นี้
ด้วยความเชื่อ ความชื่นชมยินดี และการสรรเสริญ และการอธิษฐาน
จนกว่าข้าฯ จะได้นั่งลงกับพระเจ้า"
(Unknown Author)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 23 (บทความสอนใจประจำวัน 23 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 23

"Hold me up, and I shall be safe." (Psalm119:117)

This should be the Christian’s daily prayer. The way is rough, dangers are many, enemies are powerful and we are liable to fall.

If we pray from the heart, it shows that we have a sense of our own weakness; a knowledge of the Lord as our strength; true humility, and a desire to honour God.

We are in the world, and unless God hold us up we shall dishonour Him. We are in the church, and unless God hold us up, we shall be trouble–makers. When we are ill, unless God hold us we may be angry with Him and hardened through sin.

Let your daily prayer be, "Hold me up, and I shall be safe." (Psalm 119:117)

"Lord, save Your people, Your own flock;
Be pleased Your heritage to bless.
Be their good Shepherd; carry them
For ever in Your faithfulness." (Psalm 28:9)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 23 กรกฎาคม

"ขอทรงค้ำชูข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะรอด" (สดุดี 119:117 THSV2011)

นี่ควรจะเป็นคำอธิษฐานประจำวันของคริสเตียน หนทางก็ขรุขระ อันตรายก็มากมาย ศัตรูก็ร้ายกาจ และเราก็มีแนวโน้มที่จะล้มลง

หากเราอธิษฐานจากหัวใจ เราก็จะพบว่าเรามีความรู้สึกถึงความอ่อนแอของเราเอง เรามีความรู้แห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นกำลังของเรา เรามีความถ่อมใจที่แท้จริง และเรามีความปรารถนาที่จะถวายเกียรติแด่พระเจ้า

เราอยู่ในโลกนี้ และเราก็จะทำให้พระเจ้าเสียเกียรติหากว่าพระเจ้าไม่ได้ค้ำชูเรา เราอยู่ในคริสตจักร และเราก็จะเป็นผู้สร้างปัญหาหากว่าพระเจ้าไม่ได้ค้ำชูเรา เมื่อเราเจ็บป่วย เราก็อาจจะโกรธพระองค์และมีใจแข็งกระด้างเพราะการทำบาปหากว่าพระเจ้าไม่ได้ค้ำชูเรา

ขอให้เราอธิษฐานทุกๆ วันว่า "ขอทรงค้ำชูข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะรอด" (สดุดี 119:117 THSV2011)

"ขอทรงช่วยประชากรของพระองค์ให้รอด และขอทรงอวยพรมรดกของพระองค์
ขอทรงเป็นผู้เลี้ยงดูพวกเขาดุจเลี้ยงแกะ และอุ้มชูเขาไปเป็นนิตย์" (สดุดี 28:9 THSV2011)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 22 (บทความสอนใจประจำวัน 22 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 22

"A just God and Saviour." (Isaiah 45:21)

God cannot part with His justice even to satisfy His love; and His justice shines equally with His love in His plan for our salvation.

He gave His Son, the Lord Jesus, to be a Substitute, and punished Him instead of us. God justly condemned Him to die, though guiltless, because our sins were attributed to Him; and He justly raised Jesus from the dead, because our sins had been appeased by Jesus.

Through the Holy Spirit we believe. His work is perfect. His deliverance is just. God’s justice will shine throughout eternity in our salvation.

"God saved us and called us to live a holy life. He did this, not because we deserved it, but because that was His plan from before the beginning of time- to show us His grace through Christ Jesus." (2 Timothy 1:9 NLT)

"Oh, the grace that drew salvation’s plan!
Oh, the mighty gulf that God did span-at Calvary!
Mercy there was great, and grace was free,
Pardon there was multiplied to me!
There my burdened soul found liberty- at Calvary!"
(William Reed Newell, hymn "At Calvary")

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 22 กรกฎาคม

"พระเจ้าผู้ชอบธรรมและช่วยให้รอด" (อิสยาห์ 45:21 THSV2011)

พระเจ้าไม่สามารถแยกออกจากความยุติธรรมได้ แม้ว่าการทำเช่นนั้นจะเป็นการตอบสนองความรักที่แท้ (ความเมตตากรุณา) ของพระองค์ และความยุติธรรมของพระองค์ก็ส่องสว่างอย่างเท่าเทียมกันกับความรักที่แท้ของพระองค์ ในแผนการของพระองค์สำหรับความหลุดพ้น (ความรอด) ของเรา

พระองค์ประทานพระบุตร องค์พระเยซูเจ้า ให้เป็นตัวแทนของเรา และพระเจ้าได้ลงโทษพระเยซูแทนที่เรา พระเจ้าได้กล่าวโทษพระเยซูด้วยความยุติธรรมว่าพระองค์จะต้องตาย แม้พระองค์จะไม่มีความผิดใดๆ เลย เพราะว่าพระองค์ได้แบกรับบาปทั้งสิ้นของเราไว้ และพระเจ้าได้ชุบพระเยซูขึ้นจากความตาย เพราะว่าโทษบาปทั้งสิ้นของเราได้ถูกระงับแล้วโดยพระเยซู

เราเชื่อผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระราชกิจของพระองค์ก็สมบูรณ์แบบ การช่วยให้รอดพ้นของพระองค์ก็ยุติธรรม ความยุติธรรมของพระเจ้าจะส่องสว่างตลอดนิรันดร์กาลในความหลุดพ้นของเรา

"พระเจ้าทรงช่วยเราให้หลุดพ้น และทรงเรียกเราให้ดำรงชีวิตที่บริสุทธิ์ พระองค์ทรงทำเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะเราสมควรได้รับ แต่เพราะสิ่งนี้อยู่ในแผนการของพระองค์ตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นของกาลเวลา เพื่อที่จะแสดงให้เราเห็นถึงพระคุณของพระองค์ผ่านทางพระเยซูคริสต์" (2 ทิโมธี 1:9, แปลจาก NLT)

"โอ พระคุณที่ทำให้เกิดแผนการแห่งความหลุดพ้น!
โอ เหวลึกอันทรงพลังที่พระเจ้าได้ยืดขยายออกที่เนินเขาที่พระเยซูถูกตรึง!
ที่นั่น พระเมตตาช่างยิ่งใหญ่ และพระคุณก็ไม่คิดมูลค่า
ที่นั่น การยกโทษก็ทวีคูณขึ้นในข้าฯ!
ที่นั่น จิตใจที่เต็มไปด้วยภาระหนัก ก็ได้พบเสรีภาพ ที่เนินเขาที่พระเยซูถูกตรึงนั้น!"
(William Reed Newell, เพลง "At Calvary")

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
 

วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 21 (บทความสอนใจประจำวัน 21 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 21

"Abide in Me" (John 15:4)

By nature we are far from Christ; by grace we accept His invitation, and come to Him knowing our need of Him. We see that nothing but union with Jesus can make us safe and happy; and so we pray to be one with Him.

He receives us, pours His love into our hearts and we become members of His ’body’- the church.

He teaches us to remain in Him, by living in absolute dependence on Him and daily fellowship with Him by reading the Bible and prayer; by sticking fast to Him in love as our dearly loved Saviour, God and Friend; and by witnessing to others of our faith in Him.

We must abide in Jesus to progress spiritually. Keep looking to Jesus at all times, and in all places.

"Turn your eyes upon Jesus,
Look full in His wonderful face.
And the things of earth will grow strangely dim
In the light of His glory and grace."
(Helen H Lemmel, hymn "Turn Your Eyes Upon Jesus")

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 21 กรกฎาคม

"จงติดสนิทอยู่กับเรา" (ยอห์น 15:4 THSV2011)

โดยธรรมชาติ เราอยู่ห่างไกลจากพระคริสต์ แต่โดยพระคุณ เราตอบรับคำเชิญของพระองค์ และมาหาพระองค์ ด้วยรู้ว่าเราจำเป็นต้องมีพระองค์ เราเห็นว่าไม่มีสิ่งใดนอกจากการเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูจะสามารถทำให้เราปลอดภัยและสุขใจได้ และดังนี้ เราจึงอธิษฐานที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์

พระองค์ทรงรับเราไว้ เทความรักที่แท้ (=ความเมตตากรุณา) ของพระองค์ลงมาสู่หัวใจของเรา และเราก็กลายเป็นสมาชิกของพระกายของพระองค์ อันได้แก่คริสตจักร

พระองค์ทรงสอนเราให้ดำรงอยู่ในพระองค์ ด้วยการดำรงชีวิตในการพึ่งพาพระองค์อย่างสิ้นเชิง และมีสามัคคีธรรมกับพระองค์ทุกวันด้วยการอ่านพระคัมภีร์และอธิษฐาน ด้วยการติดสนิทกับพระองค์ในความรักที่แท้ (=ใจกตัญญู) เพราะพระองค์เป็นพระผู้ช่วย พระเจ้า และสหายที่รักของเรา และด้วยการเป็นพยานถึงความเชื่อที่เรามีในพระองค์ให้กับคนอื่นๆ

เราจะต้องติดสนิทกับพระเยซูเพื่อการเติบโตฝ่ายวิญญาณ จงจับจ้องเพ่งมองไปที่พระเยซูตลอดเวลาและในทุกที่

"จงเพ่งมองไปที่พระเยซู
มองดูพระพักตร์อันงดงามของพระองค์
แล้วสิ่งต่างๆ บนโลกนี้จะหมองไปอย่างน่าประหลาด
เมื่อเทียบกับพระสง่าราศีและพระคุณของพระองค์"
(Helen H Lemmel, เพลง "Turn Your Eyes Upon Jesus")

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 20 (บทความสอนใจประจำวัน 20 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 20

"Pray that you will not give in to temptation." (Luke 22:40)

Temptations are trials. Satan is our enemy; he uses every possible way to draw us into sin; and so we are always in danger.

Satan’s temptations are sudden- powerful- deceptive- and so timed to fall in with our particular circumstances. Also, because our hearts are weak, changeable and prone to evil we are liable to be led astray.

Let us be on guard- how many great Christians have dishonoured God by sinning. God is able to preserve and deliver us. He has promised; but prayer is implied in every promise.

Beloved, daily remember you have a crafty enemy; he will use saints and sinners to lead you astray. Pray simply, earnestly and without ceasing. God is faithful, and will make a way for your escape.

"Yield not to temptation, for yielding is sin;
Each victory will help you some other to win;
Fight manfully onward; dark passions subdue;
Look ever to Jesus, He will carry you through.
Ask the Saviour to help you,
Comfort, strengthen, and keep you;
He is willing to aid you;
He will carry you through."
(Horatio R. Palmer, Hymn "Yield Not To Temptation")

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 20 กรกฎาคม

"จงอธิษฐานเพื่อจะได้ไม่ตกอยู่ในการทดลอง" (ลูกา 22:40 THSV2011)

การทดลองเป็นการทดสอบเรา ซาตานเป็นศัตรูของเรา มันใช้ทุกหนทางที่มีที่จะดึงดูดเราให้ทำบาป (=ให้เกิดกิเลสตัณหา) และดังนี้ เราจึงอยู่ในอันตรายเสมอ

การทดลองของซาตานมักจะมาอย่างเฉียบพลัน รุนแรง เต็มด้วยการหลอกลวง และถูกจังหวะเวลา เพื่อที่จะทำให้เราล้มลงในสถานการณ์นั้นๆ และเราก็มีความโน้มเอียงที่จะถูกนำให้หลงผิดไปเช่นกัน เพราะหัวใจของเราอ่อนแอ เปลี่ยนแปลงง่าย และมีแนวโน้มที่จะชั่วร้าย

ขอให้เราระมัดระวังให้ดี มีคริสเตียนมากมายเพียงไรที่ทำให้พระเจ้าเสียพระเกียรติด้วยการทำบาป พระเจ้าทรงสามารถที่จะพิทักษ์รักษาและช่วยให้เรารอดพ้นได้ พระองค์ได้มอบพระสัญญาไว้ให้กับเรา แต่ในทุกๆ พระสัญญาก็จะมีการอธิษฐานระบุไว้ด้วย

พี่น้องที่รัก จงระลึกในทุกๆ วันว่าคุณมีศัตรูที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมหลอกลวง มันจะใช้วิสุทธิชนและคนบาปในการนำให้คุณหลงผิดไป จงอธิษฐานอย่างตรงไปตรงมา อย่างกระตือรือร้น และอย่างไม่หยุดยั้ง พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ และจะทรงเปิดหนทางให้คุณหลีกหนีได้

"อย่ายอมแพ้การทดลอง ถ้ายอมแพ้จะบาป
เมื่อชนะครั้งแรกแล้ว ครั้งต่อไปยิ่งง่าย
สู้ความใคร่ของใจกาย ต่อสู้ใจดื้อด้าน
จงไว้ใจพระเยซู ผู้ทรงช่วยให้มีชัย"
(Horatio R. Palmer, เพลง "อย่ายอมแพ้การทดลอง")

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 19 (บทความสอนใจประจำวัน 19 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 19

"You love Him even though you have never seen Him." (1 Peter 1:8)

We have never seen Jesus, but we have believed His Word. We love Him who first loved us; as the only-begotten Son of God, who was exalted from everlasting; as the voluntary Saviour of lost sinners, who became human like us, suffered and died for us.

He is loving, powerful, compassionate, and His presence is heaven. We love His precious salvation; in its freeness,-completeness – and glory. We love His promises; which fill us with peace. We love His holy laws; which call us to holiness. We love His heaven-born family; who are like Him-and are "the excellent of the earth." (Psalm 16:3)

Oh, to love Him more! To love Him with all our hearts, minds, souls, and strength and to show our love by holy and useful lives

"I love the Lord because He heard my voice;
He listened when I cried to Him for aid.
I’ll call on Him as long as I shall live,
Because He turned to hear me when I prayed." (Psalm 116:1-2)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 19 กรกฎาคม

"พวกท่านรักพระองค์อยู่ แม้ว่าขณะนี้พวกท่านไม่เห็นพระองค์" (1 เปโตร 1:8 THSV2011)

เราไม่เคยเห็นพระเยซู แต่เราได้มีความเชื่อในพระคำของพระองค์ เรามีความรักที่แท้ (ใจกตัญญู) ต่อพระองค์ผู้ทรงมีความรักที่แท้ (=ความเมตตากรุณา) แก่เราก่อน พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าผู้ซึ่งได้รับการยกชูตั้งแต่นิรันดร์กาล พระองค์ทรงเป็นผู้ที่ช่วยให้คนบาปที่หลงทางได้หลุดพ้น (รอด) ด้วยความเต็มพระทัย พระองค์ได้รับสภาพเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับพวกเรา ทนทุกข์ และสิ้นพระชนม์เพื่อเรา พระองค์เปี่ยมด้วยความรักที่แท้ ฤทธิ์อำนาจ ความเมตตาสงสาร และการสถิตอยู่ของพระองค์ก็คือสวรรค์

เรารักความหลุดพ้นที่ล้ำค่า ที่พระองค์ได้ประทานให้แก่เราโดยไม่คิดมูลค่า อย่างสมบูรณ์แบบ และเต็มด้วยเกียรติสิริ เรารักครอบครัวที่บังเกิดจากสวรรค์ของพระองค์ ใครเล่าจะเป็นเหมือนพระองค์ และจะเป็น "ผู้ประเสริฐในแผ่นดินโลก" (สดุดี 16:3)

โอ ขอทรงเพิ่มเติมให้มีความรักที่แท้ต่อพระองค์มากยิ่งขึ้น! ขอที่ข้าพระองค์จะรักพระองค์ด้วยสิ้นสุดใจ สุดความคิด สุดจิต สุดกำลัง และขอที่ข้าพระองค์จะแสดงออกถึงความรักนี้ด้วยการมีชีวิตที่บริสุทธิ์ที่พระองค์ทรงใช้การได้

"ข้าพเจ้ารักพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงฟังเสียงและคำวิงวอนของข้าพเจ้า
พระองค์เงี่ยพระกรรณฟังข้าพเจ้า เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจะทูลพระองค์ตราบที่ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่" (สดุดี 116:1-2 THSV2011)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 18 (บทความสอนใจประจำวัน 18 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 18

"God blesses those whose hearts are pure, for they will see God." (Matthew 5:8)

It is faith that purifies the heart; through faith we enjoy pardon, peace, and friendship with God; it clears the conscience from dead works, and delivers from all condemnation. It receives the truth of God, and Jesus is the truth; and we receive power to be children of God.

We rejoice in our relationship with God, claim God’s gracious promises, and look forward to heaven; and all who have this hope purify themselves even as Christ is pure. Their consciences are tender, their intentions are honest, and their hearts are sound in God’s Word.

They would give all to be free from sin, for they long for holiness. They are blessed. They shall see God, and enjoy Him as their heavenly Father for ever. Then they shall be with their God; and be like Him in purity, happiness and glory.

"Jesus, Your crowning grace impart;
Bless me with purity of heart,
That now beholding You,
I soon may see you face to face,
On all Your glorious beauties gaze,
And God for ever see!"
(Charles Wesley)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 18 กรกฎาคม

"คนที่มีใจบริสุทธิ์ก็เป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้เห็นพระเจ้า" (มัทธิว 5:8 THSV2011)

ความเชื่อคือสิ่งที่ชำระจิตใจของเราให้บริสุทธิ์ เราเพลิดเพลินไปกับการยกโทษบาป สันติสุข และมิตรภาพกับพระเจ้าผ่านทางความเชื่อ ความเชื่อได้ทำให้เราหลุดพ้นจากความผิดทั้งหลายที่เราได้ทำ และช่วยเราให้รอดพ้นจากการลงโทษทั้งสิ้น ความเชื่อได้รับเอาความจริงแห่งพระเจ้า และพระเยซูก็เป็นความจริง และเรารับเอาฤทธิ์อำนาจในการเป็นบุตรของพระเจ้า

เราชื่นชมยินดีในความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า กล่าวอ้างพระสัญญาแห่งพระคุณของพระเจ้า และตั้งตารอคอยที่จะเข้าสู่สวรรค์ และทุกคนที่มีความหวังใจเช่นนี้ก็ชำระชีวิตของเขาเองให้บริสุทธิ์ ให้เป็นเหมือนพระคริสต์ผู้ทรงบริสุทธิ์ จิตสำนึกผิดชอบของพวกเขาก็อ่อนไหว ความตั้งใจของเขาก็ซื่อตรง และหัวใจของเขาก็สอดคล้องกับพระคำของพระเจ้า

พวกเขายอมสละทุกสิ่งเพื่อที่ชีวิตเขาจะปราศจากบาป (=กิเลสตัณหา) เพราะพวกเขาปรารถนาความบริสุทธิ์ พวกเขาจะเป็นสุข พวกเขาจะได้เห็นพระเจ้า และเพลิดเพลินกับพระองค์ผู้ทรงเป็นพระบิดาในสวรรค์ของพวกเขาตลอดกาล เมื่อนั้น พวกเขาจะได้อยู่กับพระเจ้าของเขา และจะเป็นเหมือนพระองค์ในความบริสุทธิ์ ความสุข และเกียรติสิริ

"โอ พระเยซู ข้าฯ เพ่งมองพระคุณที่สมบูรณ์แบบของพระองค์
ขอทรงอวยพรข้าฯ ด้วยการทำให้ใจของข้าฯ บริสุทธิ์
เพื่อที่เมื่อข้าฯ แลดูพระองค์ในเวลานี้
ข้าฯ จะเห็นพระพักตร์ของพระองค์ในไม่ช้า
ข้าฯ จะเพ่งดูความงดงามอันเต็มด้วยพระเกียรติสิริของพระองค์ทั้งสิ้น
และข้าฯ จะเห็นพระเจ้าตลอดกาล!"
(Charles Wesley)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 17 (บทความสอนใจประจำวัน 17 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 17

"The faithful witness." (Revelation 1:5)

God, the Father, gave Jesus to testify to us of His love: "For God loved the world so much that He gave His one and only Son, so that everyone who believes in Him will not perish but have Eternal Life." (John 3:16)

To witness to God’s will with regard to sinners: "This is the will of Him that sent Me, that everyone who ---believes on the Son, may have Everlasting Life, and I will raise Him up at the last day." (John 6:40)

To witness to God’s delight in making His people happy; "Fear not, little flock, it is your Father’s good pleasure to give you the Kingdom." (Luke 12:32)

He promised that our God and Father will do for us, and give us, all that we need. Jesus is the Faithful Witness, and our Glorious Friend. Let us witness for Him, as He does for His Father.

"Weak is the effort of my heart, and cold my warmest thought:
But when I see You as You are, I’ll Praise You as I ought.
Till then I would Your love proclaim with every fleeting breath:
And may the music of Your name, refresh my soul in death."
(John Newton, hymn "How sweet the Name of Jesus sounds")

 

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 17 กรกฎาคม

"พยานผู้ซื่อสัตย์" (วิวรณ์ 1:5 THSV2011)

พระเจ้าพระบิดาประทานพระเยซู เพื่อเป็นพยานให้กับเราถึงความรักที่แท้ (=ความเมตตากรุณา) ของพระองค์

"พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์" (ยอห์น 3:16 THSV2011)

เพื่อเป็นพยานถึงพระประสงค์ของพระเจ้าที่มีกับคนบาป

"เพราะนี่แหละเป็นพระประสงค์ของพระบิดาของเรา ที่จะให้ทุกคนที่เห็นพระบุตรและวางใจพระองค์มีชีวิตนิรันดร์ และเราเองจะให้คนนั้นเป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย" (ยอห์น 6:40 THSV2011)

เพื่อเป็นพยานถึงความโปรดปรานของพระเจ้าในการทำให้ประชากรของพระองค์มีความสุข

"ฝูงแกะเล็กน้อยเอ๋ย อย่ากลัวเลย เพราะว่าพระบิดาของพวกท่านชอบพระทัยจะประทานแผ่นดินนั้นให้แก่ท่าน" (ลูกา 12:32 THSV2011)

พระองค์สัญญาว่าพระเจ้าและพระบิดาของเราจะทำเพื่อเราและประทานให้กับเรา เพื่อเราจะมีทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิต พระเยซูทรงเป็นพยานผู้สัตย์ซื่อ และเป็นสหายผู้เปี่ยมไปด้วยพระเกียรติสิริ ขอให้เราเป็นพยานเพื่อพระองค์ ดังเช่นที่พระองค์ได้เป็นพยานเพื่อพระบิดา

"จิตใจของข้าฯ ก็อ่อนแรง และความคิดอันร้อนรนของข้าฯ ก็เยือกเย็น
แต่เมื่อข้าฯ เห็นพระองค์ดั่งที่พระองค์ทรงเป็น ข้าฯ จะสรรเสริญพระองค์อย่างที่ข้าพระองค์ควรทำ
จนกว่าจะถึงวันนั้น ข้าฯ จะป่าวประกาศความรักที่แท้ของพระองค์ทุกลมหายใจ
และขอให้เสียงดนตรีแห่งพระนามของพระองค์ ทำให้จิตใจข้าพระองค์ได้สดชื่นเมื่อข้าฯ จะจากโลกนี้ไป"
(John Newton, hymn "How sweet the Name of Jesus sounds")

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
 

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 16 (บทความสอนใจประจำวัน 16 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 16

"Be clothed with humility." (1 Peter 5:5)

It is important to have a right understanding of our own littleness; of our unworthiness; and of our constant dependence on the mercy of God.

We need to have a meek and quiet spirit, which is in God’s sight very precious (1 Peter 3:4). Thus we acknowledge God’s goodness even when facing trials; we are content with our lot and with such things as we have. We habitually look to the Lord Jesus and remember all He sacrificed for our salvation, and what we shall soon be with Him in glory.

Humility is most appropriate for a sinner saved by God’s grace, for God has promised that He will live with the humble. He gives grace to the humble. The one who is humble will be exalted. Humility attracts God’s notice, and brings down God’s blessing.

"Yet I am poor and needy;
Come quickly, God, I pray.
You are my God and Saviour;
O Lord, do not delay." (Psalm 70:5)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 16 กรกฎาคม

"จงถ่อมใจต่อกันและกัน" (1 เปโตร 5:5 TNCV)

เป็นสิ่งสำคัญที่จะมีความเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับความเล็กน้อยของตัวเราเอง เกี่ยวกับความไม่คู่ควร และเกี่ยวกับความจำเป็นในการพึ่งพิงพระเมตตาของพระเจ้าตลอดเวลา

เราจำเป็นที่จะต้องมีจิตวิญญาณที่อ่อนโยนและสงบเยือกเย็นซึ่งทรงคุณค่ายิ่งนักในสายพระเนตรพระเจ้า (1 เปโตร 3:4) ดังนี้ เรามีใจขอบพระคุณสำหรับความดีของพระเจ้าแม้เมื่อเราเผชิญการทดลอง เราพึงพอใจสำหรับส่วนที่เราได้รับและสำหรับสิ่งต่างๆ ที่เรามี เรามองหาองค์พระเยซูเจ้าจนเป็นลักษณะนิสัย และระลึกถึงทั้งสิ้นที่พระองค์ได้สละเพื่อความหลุดพ้น (ความรอด) ของเรา รวมทั้งระลึกว่าเราจะมีสภาพเช่นไรเมื่อเราจะได้ไปอยู่กับพระองค์พร้อมด้วยเกียรติสิริในเร็วๆ นี้

ความถ่อมใจเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนบาปที่ได้หลุดพ้นด้วยพระคุณของพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าได้สัญญาไว้ว่าพระองค์จะดำรงอยู่กับผู้ที่ถ่อมใจ พระองค์ประทานพระคุณแก่ผู้ที่ถ่อมใจ ผู้ที่ถ่อมใจจะได้รับการยกชู ความถ่อมใจดึงดูดความสนพระทัยของพระเจ้า และนำมาซึ่งพระพรของพระเจ้าที่เทลงมา

"แต่ข้าพระองค์ยากจนและขัดสน
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงรีบมาช่วยข้าพระองค์เถิด
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าทรงรอช้า
พระองค์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์และผู้ช่วยกู้ของข้าพระองค์" (สดุดี 70:5 THSV2011)
J. Smith (ปรับปรุงโดย Alina McKenzie)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 15 (บทความสอนใจประจำวัน 15 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 15

"Whenever I am afraid, I will put my trust in You." (Psalm 56:3)

We may have many fears, but we should take up David’s resolve. Our Lord is the only proper object of trust, and He should be trusted at all times.

It is great when we can say, "I will depend on the faithful promises of my loving Heavenly Father; I will leave all in my Saviour’s hands."
Let us trust in God- no matter how we feel. Our God has said, "Trust in the Lord for ever." (Isaiah 26:4)

Let us seek grace to say with Job, "Though He slay me, yet will I trust in Him."

"Who trusts in God, a strong abode, in Heav’n and earth possesses;
Who looks in love to Christ above, no fear his heart oppresses."
(Joachim Magdeburg, hymn "Who Trusts In God, A Strong Abode")

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 15 กรกฎาคม

"เมื่อข้าพระองค์กลัว ข้าพระองค์วางใจในพระองค์" (สดุดี 56:3 THSV2011)

เราอาจมีความกลัวมากมาย แต่เราควรจะทำตามแบบอย่างความแน่วแน่ของดาวิด องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่เราควรไว้วางใจ และพระองค์ควรที่จะได้รับความไว้วางใจตลอดเวลา

ช่างยิ่งใหญ่เสียจริงเมื่อเราสามารถกล่าวว่า "ข้าพเจ้าจะเชื่อมั่นในพระสัญญาอันสัตย์ซื่อของพระบิดาในสวรรค์ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะมอบทุกอย่างไว้ให้อยู่ในพระหัตถ์ของพระผู้ช่วยของข้าพเจ้า"

ขอให้เราวางใจในพระเจ้า ไม่ว่าเราจะรู้สึกอย่างไรก็ตาม พระเจ้าของเราได้กล่าวว่า "จงวางใจในพระยาห์เวห์เป็นนิตย์" (อิสยาห์ 26:4 THSV2011)

ขอให้เราแสวงหาพระคุณ เพื่อที่เราจะสามารถกล่าวเช่นเดียวกับโยบได้ว่า "ถึงแม้พระองค์ทรงประหารข้าเสีย ข้าก็ยังวางใจในพระองค์" (โยบ 13:15 TKJV)

"ใครที่วางใจในพระเจ้าผู้ซึ่งเป็นที่อาศัยที่แข็งแรงมั่นคง และครอบครองสวรรค์และโลก
ใครที่มองไปยังพระคริสต์ที่อยู่เบื้องบนด้วยใจกตัญญู (รักที่แท้) เขาผู้นั้นก็จะไม่มีความกลัวที่คอยทำให้ใจต้องทุกข์ระทม"
(Joachim Magdeburg, เพลง "Who Trusts In God, A Strong Abode")

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 14 (บทความสอนใจประจำวัน 14 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 14

"My people don’t recognize My care for them." (Isaiah 1:3)

What should we recognize?

Surely, what great things the Lord has done for us; He has delivered our souls from death, our eyes from tears, and our feet from falling, that we may walk before God in the land of the living.

How God, as our Creator, Preserver, covenant God , and gracious Father, provides for us.

That He is the supreme and universal Governor; arranging and managing every event; accident can never happen, chance can have no place, but all is directed by infinite wisdom and omnipresent love.

Why do we not recognise this? Because our hearts are often false and worldly; our minds are influenced by unbiblical notions; and we try to walk by sight and not by faith. In this way we dishonour God; and our souls are misled.

"It is good to praise the Lord
And make music to Your Name, O most High,
To proclaim Your love in the morning,
And Your faithfulness at night." (Psalm 92:1-2)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 14 กรกฎาคม

"ชนชาติของเราไม่เข้าใจ" (อิสยาห์ 1:3 THSV2011)

อะไรที่เราควรจะเข้าใจ?

แน่นอน เราควรจะเข้าใจว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าได้กระทำสิ่งยิ่งใหญ่สิ่งใดให้กับเรา พระองค์ได้ช่วยนำจิตวิญญาณของเราให้พ้นจากความตาย ตาของเราให้พ้นจากน้ำตา และเท้าของเราให้พ้นจากการล้มลง เพื่อที่เราจะดำเนินชีวิตอยู่ต่อพระพักตร์ของพระเจ้าในดินแดนแห่งคนเป็น

เราควรจะเข้าใจว่าพระเจ้าผู้ซึ่งเป็นผู้สร้าง ผู้ธำรงรักษา พระเจ้าผู้ประทานพันธสัญญา และพระบิดาผู้เปี่ยมด้วยพระคุณของเรา ได้จัดเตรียมสิ่งต่างๆ เพื่อเราอย่างไร

เราควรจะเข้าใจว่าพระองค์เป็นผู้ปกครองดูแลสูงสุดที่ควบคุมจักรวาลไว้ พระองค์บริหารจัดการทุกๆ เหตุการณ์ ไม่มีอุบัติเหตุใดจะเกิดขึ้นได้ ไม่มีที่สำหรับความบังเอิญ แต่ทุกสิ่งได้รับการนำทางโดยพระปัญญาอันไร้ขีดจำกัด และพระเมตตากรุณา (ความรักที่แท้) ที่อยู่ทุกแห่งหน

เหตุใดเราจึงไม่เข้าใจสิ่งนี้? ก็เพราะหัวใจของเรามักจะไม่ซื่อตรงและเต็มไปด้วยค่านิยมของโลก ความคิดของเราได้รับผลกระทบจากความเห็นที่ไม่ตรงตามพระคัมภีร์ และเราพยายามที่จะดำเนินชีวิตด้วยสายตา ไม่ใช่ด้วยความเชื่อ ด้วยหนทางนี้เอง เราทำให้พระเจ้าเสียพระเกียรติ และจิตใจของเราก็ถูกนำให้หลงไป

"เป็นการดีที่จะขอบพระคุณพระยาห์เวห์ ข้าแต่องค์ผู้สูงสุด ที่จะร้องเพลงสดุดีพระนามของพระองค์
ที่จะประกาศความรักมั่นคงของพระองค์ในเวลาเช้า และประกาศความซื่อสัตย์ของพระองค์ในกลางคืน" (สดุดี 92:1-2 THSV2011)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 13 (บทความสอนใจประจำวัน 13 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 13

"Behold, I have given Him as a Leader to the people." (Isaiah 55:4)

We don’t know the way to our Heavenly Father’s house, but Jesus is sent to "lead the blind by a way they do not know." (Isaiah 42:16) There are many difficulties but Jesus comes as our Leader, saying, "I will carry, and will deliver you." (Isaiah 46:4)

We see our Heavenly Father’s concern for our safety. He sent His only Son to lead us from the world to the church, from sin to holiness, from God’s anger against sin to His love. He leads all His own to the house of prayer, to God’s love, and to the mansions of endless glory. He leads us against Satan, and we overcome; against lust, and we conquer. He leads us in the way He went Himself; in the footsteps of His flock; as we are able to bear; so as to crucify "the old man," and revive and strengthen "the new."

Lead me in truth and teach me, for You are my God. (Psalm 25:5)

"O Lord, reveal to me Your ways,
And all Your paths help me to know.
Direct and guide me in Your truth;
Instruct me in the way to go." (Psalm 25:4-5)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 13 กรกฎาคม

"นี่แน่ะ เราได้ตั้งเขา...เป็นหัวหน้าและเป็นผู้บัญชาการของชนชาติทั้งหลาย" (อิสยาห์ 55:4 THSV2011)

เราไม่รู้ทางไปบ้านของพระบิดาในสวรรค์ของเรา แต่พระเยซูได้ถูกส่งมาเพื่อ "นำคนตาบอดทั้งหลาย ไปในทางที่เขาทั้งหลายไม่รู้จัก" (อิสยาห์ 42:6 THSV2011) มีความยากลำบากมากมาย แต่พระเยซูเสด็จมาเป็นหัวหน้าของเรา ผู้ทรงกล่าวว่า "เราจะอุ้มชูและเราจะช่วยกู้" (อิสยาห์ 46:4 THSV2011)

เราได้เห็นความห่วงใยของพระบิดาในสวรรค์ของเราเกี่ยวกับสวัสดิภาพของเรา พระองค์ส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาเพื่อนำเราจากโลกนี้ไปสู่คริสตจักร จากบาปไปสู่ความบริสุทธิ์ จากพระพิโรธของพระเจ้าที่มีต่อบาปไปสู่ความเมตตากรุณา (ความรักที่แท้) ของพระองค์ พระองค์นำบรรดาประชากรของพระองค์ไปยังบ้านแห่งการอธิษฐาน ไปยังความเมตตากรุณาของพระเจ้า และไปยังคฤหาสน์แห่งเกียรติสิริที่ไม่มีที่สิ้นสุด พระองค์นำเราให้ต่อสู้กับซาตานและเราก็มีชัยชนะ ให้ต่อสู้กับตัณหาและเราก็พิชิตได้ พระองค์นำเราไปในทางที่พระองค์เสด็จไปด้วยพระองค์เอง ไปตามรอยเท้าของฝูงแกะของพระองค์ ในขณะที่เราสามารถทนได้ เพื่อที่จะตรึง "ตัวเก่า" และฟื้นฟูสภาพและเสริมกำลัง "ตัวใหม่"

ขอทรงนำข้าพระองค์ไปในความจริง และขอทรงสอนข้าพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า (สดุดี 25:5)

"ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงให้ข้าพระองค์รู้จักพระมรรคาของพระองค์ ขอทรงสอนวิถีของพระองค์แก่ข้าพระองค์
ขอทรงนำข้าพระองค์ไปในความจริงของพระองค์ และขอทรงสอนข้าพระองค์
เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ ข้าพระองค์รอคอยพระองค์อยู่วันยังค่ำ" (สดุดี 25:4-5 THSV2011)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

Daily Remembrancer by J. Smith, July 12 (บทความสอนใจประจำวัน 12 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 12

"Happy are those who fear to do wrong." (Proverbs 28:14)

Godly fear flows from God’s grace. It is the fear of a child, who would not on any account wish to upset a kind and loving parent. Our God gives this to all whom He loves; and they consequently fear to offend God, their Father; dishonour their gracious Saviour; or bring sadness to the Holy Spirit, the Comforter.

They fear lest they should be led astray from God, by their own hearts; by the world; or by anything that should happen to them. They fear to trust their own judgments; they reverence God’s Word. Happy is the one who always fears God. He enjoys a solid peace.

Oh, for godly fear to rule my heart, and preserve my goings.

In the fear of the Lord, there is is strong confidence and lasting peace.

"But now, O Sovereign Lord.
On You I fix my gaze;
Do not deliver Me to death-
You are my help always." (Psalm 141:8)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 12 กรกฎาคม

"คนที่เกรงกลัวพระเจ้าอยู่เสมอก็เป็นสุข" (สุภาษิต 28:14 THSV2011)

ความเกรงกลัวพระเจ้าก็หลั่งไหลมาจากพระคุณของพระเจ้า มันเป็นดั่งเช่นความกลัวของเด็กๆ ผู้ซึ่งไม่ปรารถนาที่จะทำให้ผู้ปกครองที่มีใจปรานีและความรักแก่เขาต้องผิดหวัง ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม พระเจ้าของเราประทานสิ่งนี้แก่ทุกคนที่พระองค์มอบความเมตตากรุณา (ความรักที่แท้) ให้ และผลที่ตามมาก็คือ พวกเขาเกรงกลัวที่จะล่วงละเมิดพระเจ้าผู้ซึ่งเป็นพระบิดาของพวกเขา เกรงกลัวที่จะทำให้พระผู้ช่วยที่เปี่ยมด้วยพระคุณของพวกเขาต้องเสียเกียรติ หรือเกรงกลัวที่จะทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ซึ่งเป็นพระผู้ปลอบโยนต้องเสียพระทัย

พวกเขาเกรงกลัว เพื่อที่พวกเขาจะไม่ถูกนำให้หลงห่างจากทางของพระเจ้าโดยจิตใจของพวกเขาเอง โดยโลกนี้ หรือโดยสิ่งใดๆ ก็ตามที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขา พวกเขาเกรงกลัวที่จะไว้วางใจการตัดสินของพวกเขาเอง พวกเขาเคารพยำเกรงพระคำของพระเจ้า คนที่เกรงกลัวพระเจ้าอยู่เสมอก็เป็นสุข เขาจะเพลิดเพลินไปกับสันติสุขที่มั่นคง

โอ้ ขอที่ความเกรงกลัวพระเจ้าจะครอบครองจิตใจของข้าพระองค์ และพิทักษ์รักษาทุกหนทางที่ข้าพระองค์จะเดินไป

ในความเกรงกลัวองค์พระผู้เป็นเจ้าก็มีความมั่นใจที่เข้มแข็ง และสันติสุขที่ยั่งยืน

"ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านายของข้าพระองค์
ดวงตาข้าพระองค์เพ่งไปยังพระองค์
ข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์
ขออย่าทรงให้ข้าพระองค์รับอันตราย" (สดุดี 141:8 THSV2011)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 11 (บทความสอนใจประจำวัน 11 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 11

"The Lord will give strength to His people." (Psalm 29:11)

God has promised His people that "As their days, so shall their strength be." (Deuteronomy 33:25) He gives because they are His people, as the father to his children.

He will never disappoint them. He has commanded them to pray, and He will not refuse them. He will give strength sufficient – suitable to their needs.

God has promised to give strength to His people; yes, to be Himself their strength. Then let us fight with courage; look forward joyfully; bear every cross patiently; pray earnestly.

God has spoken- believers in every age have proved His promises true – Satan is a liar, a deceiver, a false witness against God- let us resist Satan, and he will flee from us. Our Heavenly Father is our support in every trial.

"The Lord Almighty is with us
To strengthen and sustain;
For Jacob’s God our strong defence
And fortress will remain." (Psalm 46:7)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 11 กรกฎาคม

"ขอพระยาห์เวห์ประทานกำลังแก่ประชากรของพระองค์" (สดุดี 29:11 THSV2011)

พระเจ้าได้สัญญาไว้กับประชากรของพระองค์ว่า "กำลังของเขาคงอยู่ตลอดชีวิตของเขา" (เฉลยธรรมบัญญัติ 33:25 ThCB) พระองค์ประทานให้เพราะพวกเขาเป็นประชากรของพระองค์ ดังเช่นที่บิดาจะให้กับบุตรของเขา

พระองค์จะไม่มีวันทำให้พวกเขาผิดหวัง พระองค์ได้สั่งให้พวกเขาอธิษฐาน และพระองค์จะไม่ปฏิเสธพวกเขา พระองค์จะประทานกำลังอย่างเพียงพอและเหมาะสมตามที่เขาจำเป็นต้องมี

พระเจ้าได้สัญญาที่จะประทานกำลังแก่ประชากรของพระองค์ ใช่แล้ว พระองค์เองนั่นแหละที่เป็นกำลังของพวกเขา เมื่อเป็นเช่นนี้ ขอให้เราต่อสู้ด้วยความกล้าหาญ มองไปยังเบื้องหน้าด้วยความชื่นบาน แบกกางเขนเอาไว้ด้วยความอดทน อธิษฐานอย่างกระตือรือร้น

พระเจ้าได้ตรัสไว้ ผู้เชื่อในทุกยุคทุกสมัยได้พิสูจน์แล้วว่าคำสัญญาของพระองค์เป็นจริง แต่ซาตานเป็นผู้โกหก ผู้หลอกลวง ผู้ที่เป็นพยานเท็จ ต่อต้านพระเจ้า ขอให้เรายืนหยัดต่อสู้กับซาตาน แล้วมันจะหนีเราไป พระบิดาในสวรรค์ของเราเป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือเราในทุกการทดลอง

"พระยาห์เวห์จอมทัพสถิตกับเราทั้งหลาย พระเจ้าของยาโคบทรงเป็นที่กำบังอันแข็งแกร่งของเรา" (สดุดี 46:7 THSV2011)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 10 (บทความสอนใจประจำวัน 10 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer

July 10

"He who waits on his Master will be honoured." (Proverbs 27:18)

We have only one Master, the Lord Jesus!

We have chosen to serve Him, because He chose to save us. He has given us salvation by the forgiveness of our sins, that we may serve Him in righteousness and holiness all the days of our life.

Our happiness is found in studying and obeying our Master’s Word. Let us wait on Him for His guidance; for ability, to do His will. Let us wait His time for every promised blessing, and continue looking in faith until we receive it. Let us wait on Him for the supply of all our needs, both spiritual and secular. Let us wait on Him in private, and in public. He will honour us, for He has said, "If any one serve Me, him will My Father honour." (John 12:26)

"Teach me, Lord, to wait down on my knees,
Till in Your own good time, You answer my plea.
Teach me not to rely on what others do,
But to wait in faith for an answer from You.
They that wait upon the Lord, shall renew their strength;
They shall mount up with wings as eagles,
They shall run and not be weary; they shall walk and not faint.
Teach me, Lord. Teach me ,Lord, to wait."
(Stuart Hamblen, hymn "Teach Me, Lord, To Wait")

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 10 กรกฎาคม

"บุคคลที่ระแวดระวังนายของตนจะได้รับเกียรติ" (สุภาษิต 27:18 TKJV)

เรามีจอมเจ้านายเพียงผู้เดียว นั่นคือพระเยซูเจ้า!

เราได้ถูกเลือกไว้เพื่อรับใช้พระองค์ เพราะว่าพระองค์เลือกที่จะช่วยเราให้หลุดพ้น (รอด) พระองค์ได้ประทานความหลุดพ้นให้กับเราด้วยการยกโทษบาปผิดของเรา เพื่อที่เราจะรับใช้พระองค์ด้วยความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ตลอดวันเวลาในชีวิตของเรา เราพบความสุขได้ในการศึกษาและเชื่อฟังพระคำของเจ้านายของเรา

ขอให้เราระแวดระวังพระองค์เพื่อจะได้รับการชี้ทางจากพระองค์ ได้รับความสามารถที่จะทำตามพระประสงค์ของพระองค์ ขอให้เรารอคอยเวลาของพระองค์สำหรับทุกการอวยพรที่พระองค์ได้สัญญาไว้ และรอคอยต่อไปในความเชื่อจนกว่าเราจะได้รับมัน ขอให้เราระแวดระวังพระองค์เพื่อเราจะได้รับการจัดเตรียมสำหรับทุกสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตของเรา ทั้งทางฝ่ายจิตวิญญาณและทางฝ่ายโลก ขอให้เราระแวดระวังพระองค์ทั้งในที่ส่วนตัวและในที่สาธารณะ แล้วพระองค์จะให้เกียรติเรา เพราะพระองค์ตรัส "ถ้าผู้ใดปรนนิบัติเรา พระบิดาของเราก็จะทรงประทานเกียรติแก่ผู้นั้น" (ยอห์น 12:26 TKJV)

"โอพระเจ้า ขอทรงสอนข้าฯ ที่จะคุกเข่ารอคอยพระองค์
จนกว่าจะทรงตอบในเวลาที่เหมาะสม
ขอทรงสอนข้าฯ ที่จะไม่พึ่งพาตนเองตามที่คนอื่นทำ
แต่ที่จะรอคอยคำตอบจากพระองค์ด้วยความเชื่อ
บรรดาผู้ที่รอคอยพระองค์ เขาก็จะได้รับกำลังใหม่
พวกเขาจะบินด้วยปีกดั่งนกอินทรีย์
พวกเขาจะวิ่งไปโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พวกเขาจะเดินไปโดยไม่อ่อนระโหยโรยแรง
โอพระเจ้า ขอทรงสอนข้าฯ ที่จะรอคอย"
(Stuart Hamblen, hymn "Teach Me, Lord, To Wait")

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 09 (บทความสอนใจประจำวัน 09 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 09

"I will do all My pleasure." (Isaiah 46:10)

God’s plans must stand and will all be fulfilled. He delights in those who fear Him, and hope in His mercy. He chose them to enjoy His salvation in Jesus, according to the good pleasure of His will. He will fulfil in us all the good pleasure of His goodness, and the work of faith and power. He is pleased to save His people with an everlasting salvation. He is pleased when we obey His commands.

It is our Father’s good pleasure to give us the kingdom. The angels who are His ministers; men, good and bad; and even devils, serve God’s purposes. For His pleasure all things are and were created.

Let us delight in glorifying Him.

"God moves in a mysterious way,
His wonders to perform;
He plants His footsteps in the sea,
And rides upon the storm;
His power and wisdom will fulfil
The utmost counsel of His will."
(William Cowper, hymn "God Moves In A Mysterious Way")

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 09 กรกฎาคม

"เราจะทำทุกสิ่งตามความประสงค์ของเรา" (อิสยาห์ 46:10 THSV2011)

แผนการของพระเจ้าจะต้องดำรงอยู่ และทุกสิ่งจะสำเร็จตามนั้น

พระองค์ปีติยินดีในบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์และหวังใจในพระเมตตาของพระองค์ พระองค์เลือกบรรดาผู้ที่เพลิดเพลินกับความหลุดพ้น (ความรอด) ในพระเยซู ซึ่งเป็นไปตามความยินดีอย่างยิ่งในพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์จะทำให้ความยินดีอย่างยิ่งในความดีของพระองค์และการงานแห่งความเชื่อและฤทธิ์อำนาจเกิดขึ้นในชีวิตของเรา พระองค์พอพระทัยเมื่อเราเชื่อฟังคำสั่งของพระองค์

พระบิดาของเราได้ประทานแผ่นดินสวรรค์ให้กับเราด้วยความยินดีอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นทูตสวรรค์ซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ หรือมนุษย์ทั้งที่ดีและที่เลว และแม้แต่มาร ล้วนทำตามวัตถุประสงค์ของพระเจ้า ทุกสิ่งก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความยินดีของพระองค์

ขอให้เราปีติยินดีในการถวายเกียรติสิริแด่พระองค์

"พระเจ้าเคลื่อนไหวในวิธีที่ลึกลับ
พระองค์สำแดงการอัศจรรย์
พระองค์ฝังรอยพระบาทของพระองค์ไว้ในทะเล และขี่บนพายุ
ฤทธิ์อำนาจและพระปัญญาของพระองค์นั้น
จะทำให้คำปรึกษาสูงสุดแห่งพระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ"
(William Cowper, เพลง "God Moves In A Mysterious Way")

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 08 (บทความสอนใจประจำวัน 08 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 08

"Let love be your highest goal." (1 Corinthians 14:1)

Love to God, the source of all excellence; to Jesus, the One who has effected our salvation; to believers, for His sake and because they are His children; and to sinners because He commands us. We are commanded to love God and our neighbour, and even our enemies.

It is not produced by human effort. It flows from grace. In loving others we grow in happiness and holiness. It is the Holy Spirit, in response to the prayers of the believer, who produces love.

Let us love the Lord’s people for the Lord’s sake; not only those who are our personal friends; but let us love all who love Jesus, though in some things they may differ from us.

"May the peace of God, our heav’nly Father,
And the grace of Christ, the risen Son,
And the fellowship of God, the Spirit
Keep our hearts and minds within His love."
(Keith Getty & Stuart Townend, hymn "May The Peace of God")

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 08 กรกฎาคม

"จงมุ่งหาความรัก" (1 โครินธ์ 14:1 THSV2011)

จงตั้งเป้าที่จะสำแดงความรักที่แท้ต่อพระเจ้าผู้ซึ่งเป็นแหล่งแห่งความดีเลิศทุกประการ ต่อพระเยซูผู้ซึ่งได้นำให้เราหลุดพ้น (รอด) ต่อผู้เชื่อทั้งหลายโดยเห็นแก่พระองค์และเพราะพวกเขาเป็นบุตรของพระองค์ และต่อคนบาปทั้งหลายเพราะพระองค์สั่งเราไว้ เราได้รับคำสั่งให้มีใจกตัญญู (ความรักที่แท้) ต่อพระเจ้า และมีความเมตตากรุณา (ความรักที่แท้) ต่อเพื่อนบ้านและแม้แต่ต่อศัตรูของเรา

สิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากความพยายามของมนุษย์ มันหลั่งไหลมาจากพระคุณ เราจะเติบโตในความสุขและความบริสุทธิ์ด้วยการสำแดงความเมตตากรุณาต่อผู้อื่น พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ที่ทำให้ความรักที่แท้นี้เกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นการตอบคำอธิษฐานของผู้เชื่อ

ขอให้เราสำแดงความเมตตากรุณาต่อประชากรของพระเจ้าเพื่อพระองค์ ไม่ใช่เพียงแต่ผู้ที่เป็นเพื่อนใกล้ชิดเท่านั้น แต่ขอให้เราสำแดงความเมตตากรุณาต่อทุกคนที่มีความรักที่แท้ต่อพระเยซู แม้ว่าพวกเขาจะมีบางสิ่งที่ต่างจากเราก็ตาม

"ขอสันติสุขของพระเจ้า พระบิดาในสวรรค์
และพระคุณของพระเยซู พระบุตรผู้คืนพระชนม์
และสามัคคีธรรมของพระเจ้า องค์พระวิญญาณ
พิทักษ์รักษาจิตใจและความคิดของเราไว้ ด้วยความรักของพระองค์"
(Keith Getty & Stuart Townend, เพลง "May The Peace of God")

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 07 (บทความสอนใจประจำวัน 07 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 07

"I will not remember your sins." (Isaiah 43:25)

If we believe in Jesus, we know that God pardons and saves us from sin. He promises, "Their sins I will remember no more." (Hebrews 10:17)

He will not regard our sins as belonging to us, but He regards the righteousness of Jesus as ours. In this way He glorifies the riches of His grace, and displays the wonders of His love. We who believe shall not be charged with one sin, all will be blotted out of His book, and banished eternally from His mind.

We are made "the righteousness of God in Him." (2 Corinthians 5:21) This is glorious, divine! When God forgives our sins He always forgets them. Praise His holy Name!

"How blessed the one who has received
Forgiveness for his sin!
Whose sins are covered from God’s face,
Whose debt is cancelled in God’s grace;
There’s no deceit in Him" (Psalm 32:1)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 07 กรกฎาคม

"เราจะไม่จดจำบาปของเจ้า" (อิสยาห์ 43:25 THSV2011)

หากเราเชื่อในพระเยซู เรารู้ว่าพระเจ้ายกโทษบาปและช่วยเราให้หลุดพ้นจากความบาป พระองค์สัญญาไว้ว่า "เราจะไม่จดจำบาปของพวกเขาอีกต่อไป" (ฮีบรู 10:17)

พระองค์จะไม่ถือว่าบาปของเราเป็นของเรา แต่พระองค์จะถือว่าความชอบธรรมของพระเยซูเป็นของเรา ด้วยวิธีนี้เองที่พระองค์ทำให้ความบริบูรณ์ของพระคุณของพระองค์ได้รับเกียรติสิริ และสำแดงความน่าอัศจรรย์ใจของความเมตตากรุณา (ความรักที่แท้) ของพระองค์ เราผู้เชื่อจะไม่ถูกกล่าวหาด้วยบาปหนึ่งบาปใดเลย เพราะบาปทั้งหมดได้ถูกลบออกไปแล้วจากหนังสือของพระองค์ และถูกนำออกไปแล้วชั่วนิรันดร์จากความคิดของพระองค์

เราถูกสร้างขึ้นให้เป็น "คนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์" (2 โครินธ์ 5:21 THSV2011) นี่เป็นเกียรติสิริของพระเจ้า! เมื่อพระเจ้ายกโทษบาปของเราแล้ว พระองค์ลืมมันไปเสมอ! สรรเสริญพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์!

"บุคคลผู้ซึ่งการละเมิดของเขาได้รับอภัยก็เป็นสุข คือผู้ซึ่งบาปได้รับการกลบเกลื่อน
บุคคลซึ่งพระยาห์เวห์มิได้ทรงถือโทษก็เป็นสุข คือผู้ที่ไม่มีการหลอกลวงในจิตใจของเขา" (สดุดี 32:1-2 THSV2011)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 06 (บทความสอนใจประจำวัน 06 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 06

"God is with us." (Isaiah 8:10)

God’s people should never feel lonely, for they are never alone.

God is with them as an Observer, noticing every thought, word, and action; every trial and danger. He is with them as a Father, loving and talking with them. He is with them as the Lord of Armies, having all armies of earth and heaven under His direction. He is with them as a Guide and Counsellor, to lead them; as a Friend to comfort them; as a Saviour, to deliver them; and as the holy, sin-hating God. He is present with them to reprove and try them, to humble and preserve them, to comfort and save them with an everlasting salvation.

Let us remember that God is always with us, and for us; and "If God be for us ,Who can be against us?" (Romans 8:31)

"As far as East is from the West,
So far His love has borne away
Our many sins and trespasses
And all the guilt that on us lay.
Just as a father loves his child,
So God loves those who fear His name.
For He remembers we are dust,
And well he knows our feeble frame." (Psalm 103:11-13)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 06 กรกฎาคม

"พระเจ้าสถิตกับเรา" (อิสยาห์ 8:10 THSV2011)

ประชากรของพระเจ้าไม่คยรู้สึกเหงา เพราะพวกเขาไม่มีวันอยู่อย่างเดียวดาย

พระเจ้าผู้สถิตกับพวกเขาเป็นผู้สังเกตการณ์ที่เฝ้าดูทุกความคิด คำพูด และการกระทำ ทุกการทดลองและภยันตราย

พระองค์ผู้สถิตกับพวกเขาเป็นพระบิดาที่เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา (ความรักที่แท้) และคอยพูดคุยกับพวกเขา

พระองค์ผู้สถิตกับพวกเขาเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าจอมทัพที่คอยควบคุมกองทัพบนโลกนี้และในสวรรค์ให้อยู่ภายใต้การชี้ทางของพระองค์

พระองค์ผู้สถิตกับพวกเขาเป็นผู้นำทางและที่ปรึกษาที่นำพวกเขาไป เป็นสหายที่ปลอบโยนจิตใจพวกเขา เป็นพระผู้ช่วยที่นำพวกเขาให้พ้นภัย และเป็นพระเจ้าที่บริสุทธิ์ที่เกลียดชังความบาป

พระองค์สถิตกับพวกเขาเพื่อตักเตือนและทดสอบพวกเขา เพื่อสอนให้พวกเขาถ่อมใจและพิทักษ์รักษาพวกเขาไว้ เพื่อปลอบโยนใจและช่วยพวกเขาให้หลุดพ้น (รอด) ด้วยความหลุดพ้นนิรันดร์

ขอให้เราระลึกว่า พระเจ้าสถิตกับพวกเราเสมอ และอยู่ฝ่ายเราเสมอ และ "ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเราได้?" (โรม 8:31 THSV2011)

"เพราะฟ้าสูงเหนือแผ่นดินเท่าใด ความรักมั่นคงของพระองค์ที่มีต่อบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์ก็ใหญ่ยิ่งเท่านั้น
ตะวันออกไกลจากตะวันตกเท่าใด พระองค์ทรงปลดการละเมิดไปไกลจากเราเท่านั้น
บิดาสงสารบุตรของตนฉันใด พระยาห์เวห์ทรงสงสารคนที่ยำเกรงพระองค์ฉันนั้น" (สดุดี 103:11-13 THSV2011)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

Daily Remembrancer by J. Smith, July 05 (บทความสอนใจประจำวัน 05 กรกฎาคม

The Believer's Daily Remembrancer, July 05

"I know their sorrows." (Exodus 3:7)

The Lord’s people do not suffer unnoticed; He sympathises with them, and will bring blessing from it.

Israel suffered, but Jesus sympathised. "In all their affliction He was afflicted; and the angel of His presence saved them; in His love and in His pity He redeemed them; and He carried them all the days of old." (Isaiah 63:9) He knows our sorrows, and He will be our Comforter.

Let us take them to Him in prayer; He will graciously answer. He knows how we feel. He was "the Man of sorrows" and He is able to help us.

His sorrows are ended, and so will ours soon end; weeping may endure for a night, but joy comes in the morning. We shall enter into His joy, be filled with His love, and so be for ever with Him.

"He’ll call on Me, and I will answer him;
With him in time of trouble I will be,
I will deliver him and honour him.
Long will he live, and My salvation see." (Psalm 91:15-16)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 05 กรกฎาคม

"เรารู้ถึงความทุกข์ร้อนต่างๆ ของเขา" (อพยพ 3:7 THSV2011)

ประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ประสบความทุกข์ยากโดยไม่ได้รับการดูแล พระองค์เข้าใจพวกเขา และจะประทานพรให้กับพวกเขาจากความทุกข์ยากนั้น

อิสราเอลทุกข์ยาก แต่พระเยซูเข้าใจ "พระองค์ทุกข์พระทัยในความทุกข์ทั้งหมดของเขา แล้วทูตสวรรค์ที่อยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ช่วยพวกเขาให้รอด พระองค์ทรงไถ่เขาด้วยความรักและความสงสารของพระองค์ พระองค์ทรงยกพวกเขาขึ้นและหอบเขาไปตลอดกาลก่อน" (อิสยาห์ 63:9 THSV2011) พระองค์ทราบถึงความทุกข์ร้อนต่างๆ ของพวกเรา และพระองค์จะเป็นผู้ที่ปลอบโยนจิตใจของเรา

ขอให้เรานำความทุกข์ร้อนต่างๆ มาทูลต่อพระองค์ในคำอธิษฐาน พระองค์จะตอบด้วยพระคุณของพระองค์ พระองค์ทราบว่าเรารู้สึกเช่นไร พระองค์เป็น "ผู้ที่คุ้นเคยกับความทุกข์ยาก" และพระองค์สามารถช่วยเราได้

ความทุกข์ยากของพระองค์ได้เสร็จสิ้นแล้ว และของเราก็จะจบลงในเร็วๆ นี้ การคร่ำครวญจะอยู่เพียงแค่ค่ำคืนเดียว และความชื่นบานจะมาในยามเช้า เราจะเข้าสู่ความชื่นบานของพระองค์ ได้รับการเติมด้วยพระเมตตากรุณา (ความรักที่แท้) ของพระองค์ และจะอยู่กับพระองค์ตลอดกาล

"เขาจะร้องทูลเรา แล้วเราจะตอบเขา เราจะอยู่กับเขาในยามลำบาก เราจะช่วยกู้เขาและให้เกียรติเขา
เราจะให้เขาอิ่มใจด้วยชีวิตยืนยาว และให้เขาเห็นการช่วยกู้ของเรา" (สดุดี 91:15-16 THSV2011)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 04 (บทความสอนใจประจำวัน 04 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 04

"He shall testify of Me." (John 15:26)

The Holy Spirit testifies of Jesus. He has done so in the Bible; there Christ is seen in His glory and grace.

He testifies of Jesus by the preaching of the Good News, for we preach Christ crucified, and are determined by God’s grace to exalt Christ as the only way of salvation.

The Holy Spirit testifies of Jesus to the heart when we see His loveliness and glory, trust in His promises, accept His invitation; love Him and rejoice in His Name. Every idol falls before Him; we love Him; believe Him; hope in Him; are humbled before Him, and are zealous for Him.

O, for the Holy Spirit to testify of Jesus to our hearts today and every day, and to bear witness with our hearts that we are children of God.

"Now none but Christ can satisfy,
None other name for me.
There’s love, and life, and lasting joy,
Lord Jesus, found in Thee."
(Hymn "None but Christ", unknown author)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 04 กรกฎาคม

"พระองค์จะเป็นพยานให้เรา" (ยอห์น 15:26 THSV2011)

พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพยานให้พระเยซู พระองค์ทำเช่นนั้นในพระคัมภีร์ ที่นั่นเราเห็นพระคริสต์ในพระเกียรติสิริและพระคุณของพระองค์

พระวิญญาณเป็นพยานให้พระเยซูด้วยการเทศนาสอนเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์ (ข่าวดี หรือข่าวประเสริฐ) เพราะเราเทศนาสอนเกี่ยวกับพระคริสต์ผู้ถูกตรึงที่กางเขน และมุ่งมั่นโดยพระคุณของพระเจ้าที่จะเทอดทูนพระคริสต์ผู้ที่เป็นทางเดียวสู่ความหลุดพ้น (ความรอด)

พระวิญญาณเป็นพยานให้พระเยซูสู่หัวใจเมื่อเราเห็นความดีงามและพระเกียรติสิริของพระองค์ วางใจในพระสัญญาของพระองค์ ยอมรับคำเชิญของพระองค์ มีใจกตัญญู (ความรักที่แท้) ต่อพระองค์ และชื่นชมยินดีในพระนามของพระองค์ รูปเคารพทุกอย่างก็ล้มลงต่อพระพักตร์พระองค์ เรามีใจกตัญญูต่อพระองค์ เชื่อพระองค์ มีความหวังในพระองค์ ถ่อมใจลงต่อพระพักตร์พระองค์ และมีใจร้อนรนเพื่อพระองค์

โอ้ ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยานให้พระเยซูสู่จิตใจของข้าพระองค์ทั้งหลายในวันนี้และทุกๆ วัน และขอทรงเป็นพยานสู่จิตใจของข้าพระองค์ทั้งหลายว่าข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า

"บัดนี้ ไม่มีผู้ใดนอกจากพระคริสต์ ที่ทำให้อิ่มใจ!
ไม่มีนามอื่นใดสำหรับข้าฯ
สำหรับความรัก ชีวิต และความชื่นชมยินดีอันถาวร
ข้าสามารถพบได้ในพระองค์ พระเยซูเจ้าข้า"
(เพลง "None but Christ", ไม่ทราบผู้แต่ง)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie

วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Daily Remembrancer by J. Smith, July 01 (บทความสอนใจประจำวัน 01 กรกฎาคม)

The Believer's Daily Remembrancer, July 01

"The Lord your God is a merciful God." (Deuteronomy 4:31)

Many times in the Bible we are reminded that God is merciful. Nature, and our salvation also witness to this great fact.

We need to remember this when burdened with guilt, when confessing sin, when enduring trials, when praying for God's blessing, and when comforting others. Our God is a merciful God- but mercy and holiness are united in His character, Word, and work.

He is not difficult to please, but He should be daily loved, and constantly trusted. His mercy keeps us from despair, now we may trust and not be afraid, walk with Him in peace, and rejoice in Him daily.

"O greatly blest the people are
The joyful sound that know.
In brightness of Your face, O Lord,
They ever on shall go." (Psalm 89:15)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


บทความสอนใจประจำวัน 01 กรกฎาคม

"พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระกรุณา" (เฉลยธรรมบัญญัติ 4:31 THSV2011)

หลายครั้งหลายคราวที่พระคัมภีร์ได้เตือนเราถึงว่าพระเจ้าทรงพระกรุณา ธรรมชาติและความหลุดพ้น (ความรอด) ที่เราได้รับก็ยืนยันถึงข้อเท็จจริงที่ยิ่งใหญ่นี้

เราจำเป็นที่จะต้องระลึกถึงสิ่งนี้เมื่อเราเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เมื่อเราสารภาพบาป เมื่อเราฟันฝ่าการทดลอง เมื่อเราอธิษฐานขอการอวยพรจากพระเจ้า และเมื่อเราปลอบโยนใจผู้อื่น พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระกรุณา แต่ความเมตตาและความบริสุทธิ์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันในบุคลิกภาพ พระคำ และพระราชกิจของพระองค์

ไม่ยากเลยที่จะทำให้พระองค์พอพระทัย แต่เราก็ควรที่จะแสดงใจกตัญญู (ความรักที่แท้) ในแต่ละวัน และไว้วางใจพระองค์ตลอดเวลา พระกรุณาของพระองค์พิทักษ์รักษาเราไว้จากความสิ้นหวัง บัดนี้ ขอให้เราวางใจพระองค์และอย่ากลัวเลย ดำเนินชีวิตกับพระองค์อย่างมีสันติสุข และชื่นชมยินดีในพระองค์ในแต่ละวัน

"ชนชาติที่รู้จักการโห่ร้องอย่างชื่นบานก็เป็นสุข ข้าแต่พระยาห์เวห์ คือบรรดาผู้ที่เดินในแสงสว่างแห่งพระพักตร์ของพระองค์" (สดุดี 89:10 THSV2011)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie