หลักการการสอนที่ถูกต้อง (2)
16 ข้าพเจ้าขอพูดซ้ำว่าอย่าให้ใครคิดว่าข้าพเจ้าเป็นคนโง่เขลา แต่ถ้าพวกท่านคิดว่าข้าพเจ้าเป็นเช่นนั้น ก็จงยอมรับข้าพเจ้าอย่างคนโง่เขลาเถิด เพื่อว่าข้าพเจ้าจะอวดได้บ้าง
17 (การที่ข้าพเจ้าพูดอย่างนั้น ข้าพเจ้าไม่ได้พูดตามหลักขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พูดอย่างคนโง่เขลาที่อวดด้วยความมั่นใจตัวเอง
18 เพราะในเมื่อหลายๆ คนอวดตามเนื้อหนัง ข้าพเจ้าก็จะอวดบ้าง)
19 เพราะว่าการที่พวกท่านอดกลั้นต่อคนโง่เขลาทั้งหลายด้วยความยินดีนั้น คงจะเป็นเพราะท่านฉลาดสิ (2 โครินธ์ 11:16-19 THSV2011)
เปาโลจึงเริ่มกล่าวอย่างคนเขลา เพราะเมื่อท่านกล่าวด้วยหลักเหตุผลแล้วคนไม่ฟัง ท่านจึงต้องอวด เพราะพวกเขาฉลาด
ท่านจะอวด แต่ไม่ได้อวดตามหลัก เพราะพวกเขาชอบฟังหลักการของคนโง่
1 ข้าพเจ้าจำเป็นต้องอวด แม้ว่าจะไม่มีประโยชน์ แต่ข้าพเจ้าจะพูดต่อไปถึงนิมิตและการสำแดงที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
2 ข้าพเจ้ารู้จักชายคนหนึ่งที่อยู่ในพระคริสต์ เมื่อสิบสี่ปีที่แล้วเขาถูกรับขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นที่สาม (จะไปทั้งร่างกายหรือไปโดยไม่มีร่างกายข้าพเจ้าไม่รู้ พระเจ้าทรงรู้)
3 ข้าพเจ้ารู้ว่าชายคนนี้ (จะไปทั้งร่างกายหรือไม่มีร่างกายข้าพเจ้าไม่รู้ พระเจ้าทรงรู้)
4 ถูกรับขึ้นไปยังเมืองบรมสุขเกษม และได้ยินถ้อยคำที่บอกไม่ได้ซึ่งไม่อนุญาตให้มนุษย์กล่าวถึง
5 สำหรับชายคนนั้นข้าพเจ้าอวดได้ แต่สำหรับตัวข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าจะไม่อวดเลย นอกจากจะอวดเรื่องความอ่อนแอของข้าพเจ้า 6 เพราะว่าถ้าข้าพเจ้าอยากจะอวดข้าพเจ้าก็ไม่ใช่คนโง่เขลา เพราะว่าข้าพเจ้าจะพูดความจริง แต่ข้าพเจ้างดไว้ เพื่อจะไม่มีใครประเมินข้าพเจ้าสูงกว่าสิ่งที่เขาได้เห็นในตัวข้าพเจ้าหรือฟังจากข้าพเจ้า (2 โครินธ์ 12:1-5 THSV2011)
ชายคนนี้ ตามบริบท น่าจะเป็นอาจารย์เปาโลเอง
คนยิวเชื่อว่าสวรรค์มี 3 ชั้น ได้แก่ ฟ้า จักรวาล และที่ประทับของพระเจ้าซึ่งเป็นสวรรค์จริง ๆ
ท่านบอกว่าเคยขึ้นไปยังที่ประทับของพระเจ้ามาแล้ว ท่านได้ยินเสียงพูดที่ไม่สามารถรู้เรื่องได้ และจะพูดก็ถูกห้ามไม่ให้พูด แม้ท่านจะอวดเรื่องเหล่านี้ได้ แต่ท่านไม่อวด ท่านเลือกที่จะอวดในความอ่อนแอ
เปาโลเป็นสุดยอดผู้รับใช้พระเจ้า ท่านมีประสบการณ์มากมาย แต่มีบางอย่างที่ท่านไม่สามารถอธิบายได้ตามหลักขององค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น เมื่อมีประสบการณ์เหล่านั้นที่ท่านอธิบายไม่ได้ ท่านก็จะไม่พูดเลย เก็บเป็นความสุขเล็ก ๆ ส่วนตัว
ข้าพเจ้ารับใช้พระเจ้า 17-18 ปี มีประสบการณ์การอัศจรรย์มากมาย แต่คุณจะไม่ได้ยินเรื่องนี้จากปากของข้าพเจ้าเลย ข้าพเจ้าเชื่อว่าประสบการณ์เหล่านี้มาจากพระเจ้า แต่จะไม่พูด เพราะข้าพเจ้าไม่สามารถอธิบายได้ว่าประสบการณ์เหล่านั้นมาจากพระเจ้าหรือเปล่า ถ้าหากข้าพเจ้าพูด ข้าพเจ้าก็จะสอนให้คุณเชื่อในความเชื่อของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงเก็บไว้ ข้าพเจ้าจะพูดแต่เรื่องความอ่อนแอของข้าพเจ้า ว่าข้าพเจ้าเคยเจออุปสรรค ความท้อใจ พระเจ้าก็ประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า สิ่งเหล่านี้สิ จึงจะทำให้คริสตจักรจำเริญขึ้น
คุณมีประสบการณ์ได้ แต่ถ้าประสบการณ์นั้น ไม่สามารถอธิบายได้ตามหลักขององค์พระผู้เป็นเจ้า ให้คุณเก็บเอาไว้ เมื่อจะพูด ให้พูดตามหลักการขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าจะสอนให้คุณยึดมั่นใจความจริง
ส่วนท่านจงสอนให้สอดคล้องกับคำสอนที่ถูกต้อง (ทิตัส 2:1 THSV2011)
นักเทศน์ ผู้สอน ต้องสอนให้ตรงกับหลักคำสอนที่มีหลักการ ใช้พระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง
ที่ผ่านมาไม่เป็นไร ให้ตั้งต้นใหม่ ประสบการณ์แปลก ๆ ที่ไม่มีเหตุผลอธิบายได้ให้ระงับไว้ ให้พูดในเรื่องความอ่อนแอ
อย่าเพิ่มอะไรเข้ากับพระวจนะของพระองค์
เกรงว่าจะทรงตำหนิเจ้าและทรงตัดสินว่าเจ้าพูดมุสา (สุภาษิต 30:6 THSV2011)
ถ้าจะบอกว่า คนที่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์ทุกคนจะต้องพูดภาษาแปลก ๆ ได้ ถ้าคำกล่าวนี้เป็นจริง เหตุไรจึงไม่มีบันทึกว่าพระเยซูพูดภาษาแปลก ๆ? ไม่มีบันทึกเรื่องการพูดภาษาแปลก ๆ ของเปโตรเช่นกัน
ถ้าจะอ้างว่าพระเยซู หรืออาจารย์เปาโลอาจพูดภาษาแปลก ๆ แต่ไม่ได้มีบันทึก ข้าพเจ้าก็สามารถที่จะแย้งได้ว่า ทั้งคู่อาจจะไม่ได้พูดภาษาแปลก ๆ ก็เป็นได้ ข้าพเจ้าจึงสรุปได้ว่า นี่ไม่ใช่คำสอนจากพระวจนะของพระเจ้า
พระเจ้าจะพิพากษาด้วยความเข้มงวด ขอที่พี่น้องจะระมัดระวัง เกรงว่าพี่น้องจะกลายเป็นคนมุสา
อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์
สรุปคำเทศนาฟื้นฟู คริสตจักรโมทนา ลำปาง
เมื่อวันที่ 28-29/06/2009
จาก http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html
หมายเหตุ:
- ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ
- สามารถฟังบันทึกคำเทศนาได้ที่นี่ครับ http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html