วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทความสอนใจประจำวัน 22 มิถุนายน


บทความสอนใจประจำวัน 22 มิถุนายน

"พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ" (1 โครินธ์ 10:13 TKJV)

นี่เป็นที่ยึดเหนี่ยวของผู้เชื่อ หลายครั้งหลายคราที่เราสั่นคลอนเพราะความไม่เชื่อ เราอาจไม่รู้สึกถึงการอยู่ด้วย ฤทธิ์อำนาจ และการปลอบโยนจิตใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์เลย เราอาจไม่ค่อยชื่นชอบที่จะอธิษฐาน เราอาจถูกทดลองโดยซาตาน และอาจอารมณ์เสียจากความคิดที่คอยรบกวน แต่พระเจ้าไม่มีวันทำให้เราผิดหวัง ครั้งแล้วครั้งเล่าที่พระองค์ทำให้สันติสุขและความชื่นบานของเรากลับสู่สภาพดี

ช่วงเวลาที่ยากลำบากของเรามักจะตามมาด้วยความชื่นบานพิเศษ คำสัญญาจากพระคัมภีร์สามารถนำมาใช้ได้กับจิตใจของเรา และเราก็เต็มไปด้วยการปลอบโยนจิตใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อนั้นจิตใจของเราจะละลายไปต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า และเราจะสามารถทำได้เพียงแต่สรรเสริญพระเจ้าสำหรับความบริบูรณ์แห่งพระคุณที่มีอำนาจสูงสุดที่เราได้รับเปล่าๆ

สหายที่รัก ในคืนที่มืดมิดที่สุด จงระลึกว่า "พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ" (1 โครินธ์ 10:13 TKJV)

"พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ด้วยคำปรึกษาของพระองค์ และภายหลังพระองค์จะทรงนำข้าพระองค์ให้ได้รับเกียรติยศ 
นอกจากพระองค์ ข้าพระองค์ไม่มีผู้ใดในฟ้าสวรรค์ นอกจากพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ไม่ประสงค์สิ่งใดในโลก 
ร่างกายและจิตใจของข้าพระองค์จะวายไป แต่พระเจ้าทรงเป็นกำลังใจและเป็นมรดกส่วนของข้าพระองค์เป็นนิตย์" (สดุดี 73:24-26 THSV2011)

Reverend James Smith 
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
แปลโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์


The Believer's Daily Remembrancer

June 22

"God is faithful." (1 Corinthians 10:13)

This is the believer's anchor. We may, at times, be shaken by unbelief. We may feel nothing of the presence, power, or comforts of the Holy Spirit. We may have little inclination to pray. We are tempted by Satan, and may be upset with disturbing thoughts. But God never fails us; again and again He restores us to peace and joy.

Our most trying times are often followed by special joys. The promises of the Bible are applied to our souls, and we are filled with the comforts of the Holy Spirit. Then our souls melt before the Lord, and we can only praise God for the riches of His free and sovereign grace.

Dear friends, in the darkest night , remember "God is faithful." (1 Corinthians 10:13)

"To Your glory you will bring me
With Your counsel as my guide.
I have none but You in heaven;
All on earth I lay aside.
Flesh and heart may fail, but ever
God my portion will abide." (Psalm 73:24-26)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie





วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทความสอนใจประจำวัน 21 มิถุนายน


บทความสอนใจประจำวัน 21 มิถุนายน

"ทำไมพวกเจ้ากลัว? พวกเจ้าไม่มีความเชื่อหรือ?" (มาระโก 4:40 THSV2011)

ที่ไหนที่มีความเชื่อน้อยนิด ที่นั่นก็มีความกลัวมากมาย เหล่าสาวกเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก และพระเยซูพูดกับพวกเขาว่า "ทำไมพวกเจ้ากลัว? พวกเจ้าไม่มีความเชื่อหรือ?" (มาระโก 4:40 THSV2011)

แน่ทีเดียว พระบิดาในสวรรค์อาจจะกำลังถามเราด้วยคำถามเดียวกัน "ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อคำของเรา? ทำไมเจ้าถึงไม่วางใจในการอยู่ด้วย ฤทธิ์อำนาจ และความรักแท้ของเรา? ทำไมเจ้าไม่มองดูเราเพื่อที่เราจะได้ให้สิ่งจำเป็นแก่เจ้า? เราไม่ได้สัญญาไว้กับเจ้าอย่างชัดเจนหรอกหรือ? เราไม่ได้ทำตามคำสัญญาของเราครั้งแล้วครั้งเล่าหรอกหรือ? เราไม่ได้สัญญาว่าจะให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของเราแก่เจ้าหรอกหรือ? เราไม่ได้ให้พระบุตรของเราเพื่อเจ้าและแก่เจ้าหรอกหรือ? เราไม่ได้อยู่กับเจ้าในทุกความยากลำบากหรอกหรือ? เหตุใดเจ้าจึงไม่มีความเชื่อ?"

สหายที่รัก ขอให้เราถ่อมใจลงต่อหน้าพระเจ้า ขอให้เราสารภาพว่าเราขาดความเชื่อและอธิษฐานขอความเชื่อ ขอให้เราแสวงหาพระเจ้าในทุกที่และในทุกสิ่ง

"พระองค์ทรงเป็นที่กำบังของข้าพระองค์ พระองค์ทรงปกป้องข้าพระองค์จากความยากลำบาก พระองค์ทรงล้อมข้าพระองค์ไว้ด้วยเพลงฉลองการช่วยกู้" (สดุดี 32:7 THSV2011)

Reverend James Smith 
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
แปลโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์


The Believer's Daily Remembrancer

June 21

"How is it that you have no faith?" (Mark 4:40)

Where there is little faith there are many fears. The disciples were filled with alarm, and Jesus asked them "How is it that you have no faith?" (Mark 4:40)

Our Heavenly Father may well ask us the same question. "Why do you not believe My Word? Why do you not trust My presence, power, and love? Why do you not look to Me to supply your need? Have I not made very clear promises? Have I not fulfilled My promises again and again? Have I not promised you My Holy Spirit? Have I not given My Son for you and to you? Have I not been with you in every difficulty? How is it then that you have no faith?"

Dear friends, let us humble ourselves before God; let us confess our lack of faith, and pray for faith. Let us look for God in every place and in every thing.

"You are my hiding – place, O Lord,
My true security.
You keep me safe in troubled days;
You circle me with joyful praise
When You have set me free." (Psalm 32:7)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie





วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทความสอนใจประจำวัน 20 มิถุนายน


บทความสอนใจประจำวัน 20 มิถุนายน

"พระเจ้าทรงถือว่าพวกเขาเป็นคนชอบธรรมแล้ว" (โรม 8:33 THSV2011)

การถือว่าเป็นคนชอบธรรม คือ การประกาศว่าพ้นผิดและประกาศว่าชอบธรรม มีการยกโทษอย่างสมบูรณ์สำหรับทุกคนที่เชื่อวางใจในพระเยซู

"เมื่อคนผิดที่ชั่วร้ายที่สุดได้เชื่อวางใจอย่างแท้จริง เขาก็ได้รับการยกโทษบาปผิดจากพระเยซู" ไม่มีการลงโทษอีกต่อไป เราได้รับการยอมรับในพระเยซูคริสต์ ความบาปทั้งสิ้นได้รับการยกโทษเปล่าๆ และถูกลืมชั่วนิรันดร์ พระเจ้าได้ทิ้งความบาปทั้งสิ้นของเราและไม่จดจำอีกต่อไป และขณะนี้พระองค์ก็ประกาศว่าเราสะอาดบริสุทธิ์

"ใครจะฟ้องคนที่พระเจ้าได้ทรงเลือกไว้? พระเจ้าทรงถือว่าพวกเขาเป็นคนชอบธรรมแล้ว ใครจะเป็นผู้ลงโทษอีก? พระเยซูคริสต์หรือ? ผู้สิ้นพระชนม์แล้ว และยิ่งกว่านั้นอีกพระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย พระองค์สถิต ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า และทรงอธิษฐานขอเพื่อเราด้วย" (โรม 8:33-34 THSV2011)

"พระเยซู นามเหนือนามทั้งปวง
พระผู้ช่วยผู้งดงาม องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระคุณ
องค์อิมมานูเอล พระเจ้าผู้ทรงสถิตกับเรา
พระผู้ไถ่ผู้ได้รับการสรรเสริญ องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่"

Reverend James Smith 
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
แปลโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์


The Believer's Daily Remembrancer

June 20

"It is God who justifies." (Romans 8:33)

To be justified is to be acquitted, and pronounced righteous. There is complete forgiveness for all who believe in Jesus.

"The vilest offender who truly believes, that moment from Jesus a pardon receives." There is no more condemnation; we are accepted in Christ Jesus. All sins are freely forgiven and eternally forgotten. God has cast all our sins "behind His back", and now He pronounces us clean.

"Who dares accuse us whom God has chosen for His own? No one- for God Himself has given us right standing with Himself. Who then will condemn us? No one- for Christ Jesus died for us and was raised to life for us, and He is sitting in the place of honour at God's right hand pleading for us." (Romans 8:33-34)

"Jesus, Name above all names,
Beautiful Saviour, Glorious Lord. 
Emmanuel, God is with us ,
Blessed Redeemer, Living Word."

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie





วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทความสอนใจประจำวัน 19 มิถุนายน


บทความสอนใจประจำวัน 19 มิถุนายน

"วิสุทธิชนทั้งสิ้นของพระองค์ก็อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์" (เฉลยธรรมบัญญัติ 33:3 THSV2011)

ผู้เชื่อทุกคนเป็นคนของพระเจ้า (วิสุทธิชน) ซึ่งได้รับการแยกไว้โดยวัตถุประสงค์ของพระเจ้า ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้รับการแยกไว้ต่างหากเพื่อพระเจ้า และได้อุทิศชีวิตเพื่อรับใช้พระองค์

คนของพระเจ้าทุกคนอยู่ในมือของพระเยซู อยู่ในมือแห่งพระเมตตาของพระองค์ ในมือแห่งฤทธิ์อำนาจของพระองค์ และในมือแห่งการจัดเตรียมของพระองค์ โลหิตอันล้ำค่าของพระองค์ได้ซื้อชีวิตเราไว้ พระบิดาได้มอบชีวิตเราไว้กับพระองค์ เราอยู่ภายใต้การปกป้องดูแลของพระองค์ เพื่อที่จะได้รับารดูแลให้พ้นจากซาตาน ความตาย และนรก เพื่อที่จะได้รับการนำทางผ่านโลกอันกันดารนี้ไปสู่บ้านที่อยู่เบื้องบนของพระบิดาของเรา เพื่อที่จะได้รับการปรับเปลี่ยนชีวิตโดยความเชี่ยวชาญของพระองค์และเป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้นทุกวัน เพื่อที่จะได้รับการปกป้องคุ้มภัยจากพายุ เพื่อที่จะถูกใช้เพื่อถวายคำสรรเสริญแด่พระองค์และได้รับการยกชูสู่บัลลังก์แห่งนิรันดร์ของพระองค์

พวกเขาเป็นคนของพระองค์ พระองค์ได้เลือกพวกเขาไว้ให้เป็นเจ้าสาวของพระองค์ พระองค์ช่วยชีวิตพวกเขาไว้จากศัตรู พระองค์ให้ความชอบธรรมของพระองค์แก่พวกเขา พระองค์ได้ทำให้พวกเขาเป็นอย่างที่พวกเขาเป็นอยู่ขณะนี้และพระองค์จะให้เกียรติสิริแก่พวกเขาตลอดไป

"พระเยซูคริสต์ กษัตริย์ผู้ทรงเกียรติสิริ
พระบุตรนิรันดร์ของพระเจ้า
ถ่อมพระทัยมาประสูติโดยมารดาพรหมจารีย์ของพระองค์
หนทางอันต่ำต้อยที่พระองค์ก้าวไปช่างยากลำบาก
บาปถูกพิชิตโดยกางเขนของพระองค์
นรกได้รับการเผชิญหน้า
สวรรค์เปิดให้กับผู้เชื่อทั้งหลาย
คนบาปชอบธรรมได้โดยความเชื่อ"
(Christopher Martin Idle, เพลง "God, we praise you. God we bless you.")

Reverend James Smith 
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
แปลโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์


The Believer's Daily Remembrancer

June 19

"All His saints are in Your Hand." (Deuteronomy 33:3)

Every believer is a saint, separated by the purpose of God; sanctified by the Holy Spirit; set apart for God, and devoted to His service.

Every saint is in the hand of Jesus- in the hand of His mercy- in the hand of His power- and in the hand of His providence. We have been bought by His precious blood; committed to Him by the Father; under His protection, to be kept from Satan, death, and hell; to be guided through this desert world to our Father's house above; to be shaped by His skill, and to become more and more like Jesus; to be sheltered from the storm; to be used for His praise, and lifted up to His eternal throne.

They are His saints; He chose them for His bride; He rescued them from the enemy; He claims them as His right; He made them what they are; and He will glorify them for ever.

"Jesus Christ, the King of glory,
Everlasting Son of God,
Humble was Your virgin mother,
Hard the lowly path you trod;
By Your cross is sin defeated,
Hell confronted face to face,
Heaven opened to believers, 
Sinners justified by grace."
(Christopher Martin Idle, hymn "God, we praise you. God we bless you.")

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie





วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทความสอนใจประจำวัน 18 มิถุนายน


บทความสอนใจประจำวัน 18 มิถุนายน

"เราจะไม่ละทิ้งพวกท่านไว้ให้เป็นลูกกำพร้า" (ยอห์น 14:18 THSV2011)

ผู้เชื่ออาจพบกับวันที่มืดมนละกลัวว่าพระเยซูได้ทอดทิ้งเขาแล้ว นี่เป็นธรรมชาติ แต่ไม่ใช่สิ่งที่พระคัมภีร์ได้สอนไว้ เพราะพระองค์ได้สัญญาไว้ว่า "เราจะไม่ละท่านหรือทอดทิ้งท่านเลย" (ฮีบรู 13:5)

ความรักแท้ของพระองค์ทำให้เรามั่นใจว่าพระองค์อยู่กับเราเสมอ พระองค์จะไม่มีวันละทิ้งเราไว้ให้เป็นลูกกำพร้า เราพึ่งพาพระองค์อย่างสิ้นเชิง พระองค์เป็นแหล่งของการปลอบใจที่ยิ่งใหญ่สำหรับประชากรของพระองค์

พระองค์อาจยับยั้งการให้การปลอบใจของพระองค์และการรับรู้ถึงการสถิตอยู่ด้วยของพระองค์จากราในบางเวลาเพื่อตักเตือนและแก้ไขชีวิตของเรา แต่เราสามารถคาดหวังว่าพระองค์จะให้สิ่งนั้นแก่เราอีกครั้ง เพราะพระสัญญาของพระองค์ชัดเจน อีกทั้งธรรมชาติและความรักแท้ของพระองค์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

เราควรเชื่อมั่น อธิษฐานใคร่ครวญ และวางใจอย่างมั่นคงในพระคำแห่งพระสัญญาอันล้ำค่าของพระองค์ เราจะไม่มีวันเป็นลูกกำพร้า เพราะพระบิดาของเราดำรงชีวิตอยู่ บ้านของเราพร้อมแล้วสำหรับเรา และความหวังของเราไม่มีวันพังทลาย

"จิตใจที่พบที่พักสงบอยู่ในพระเยซู
พระองค์จะไม่ และไม่สามารถหนีไปให้จิตใจนั้นผขิญกับศัตรู
แม้นรกทั้งสิ้นจะพยายามบั่นทอนจิตใจดวงนี้
พระองค์จะไม่มีวัน ไม่มีวัน ไม่มีวันทอดทิ้งเลย!"
(John Keith, เพลง "How Firm A Foundation")

Reverend James Smith 
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
แปลโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์


The Believer's Daily Remembrancer

June 18

"I will not leave you as orphans." (John 14:18)

Believers may experience darkness, and fear that Jesus has forsaken them; this is natural; but it is unscriptural; for He has promised, "I will never leave you, I will never forsake you." (Hebrews 13:5)

His love ensures that His presence is always with us. He will not leave us as orphans. We are absolutely dependant on Him. He is the great source of comfort to His people.

He may withhold His comfort and the awareness of His presence from us for a time to reprove, or correct us; but we may expect their return, for His promise is clear and His nature and love never change.

His precious word of promise should be believed, prayed over and firmly trusted. We shall never be orphans, for our Father ever lives; our home awaits us; and our hope is imperishable.

"The soul that in Jesus has found its repose*, (*rest)
He will not, He cannot, desert to its foes;
That soul, though all hell shall endeavour to shake,
He'll never, no never, no never forsake!"
(John Keith, hymn "How Firm A Foundation")

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie





วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทความสอนใจประจำวัน 17 มิถุนายน


บทความสอนใจประจำวัน 17 มิถุนายน

"ความรอดนั้นมาจากพระยาห์เวห์" (โยนาห์ 2:9 THSV2011)

พระเจ้าพระบิดาคิดค้นแผนการแห่งความหลุดพ้น พระเยซูพระบุตรชำระค่าไถ่ และพระวิญญาณบริสุทธิ์นำเราให้ได้ครอบครองความหลุดพ้นนี้ นี่เป็นพระคุณของพระเจ้า ซึ่งเกิดขึ้นผ่านทางความเชื่อ

ความรอดพ้นจากอันตรายมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ช่วยชีวิตโยนาห์ให้รอดพ้นจากอันตรายเมื่อเขาร้องขอความช่วยเหลือจากองค์พระผู้เป็นเจ้าแม้ว่าโยนาห์จะเป็นผู้ที่ดื้อดึงและขัดสน และพระองค์ก็จะช่วยให้เรารอดพ้นเช่นกัน

พระเจ้าถามว่า "มีสิ่งใดที่ยากเกินไปสำหรับเราหรือ?" (เยเรมีย์ 32:27 THSV2011)

"มีพระผู้ช่วยองค์หนึ่ง คือพระเยซู พระบุตรของพระเจ้า
ผู้ซึ่งเป็นแกะอันล้ำค่าของพระเจ้า พระเมสสิยาห์ และองค์บริสุทธิ์
ขอบคุณพระองค์ โอพระบิดาของข้าฯ ที่ได้ประทานพระบุตรของพระองค์แก่ข้าฯ
และได้ประทานพระวิญญาณ 'จนกว่าการงานบนโลกนี้จะสำเร็จ' "
(Keith Green, เพลง "There is a Redeemer")

Reverend James Smith 
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
แปลโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์


The Believer's Daily Remembrancer

June 17

"Salvation is of the Lord." (Jonah 2:9)

God, the Father devised the plan of salvation; Jesus, the Son, paid the ransom; and the Holy Spirit puts us in possession of salvation. It is of God's grace. It is through faith.

Deliverance from danger is from the Lord. He delivered Jonah when he cried to the Lord although Jonah was a poor obstinate creature; and He will deliver us.

God asks, "Is anything too hard for Me?" (Jeremiah 32:27)

"There is a Redeemer- Jesus, God's own Son,
Precious Lamb of God, Messiah, Holy One.
Thank you, O my Father, for giving us Your Son,
And leaving the Spirit, 'til the work on earth is done.' " 
(Keith Green, hymn "There is a Redeemer")

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie





วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทความสอนใจประจำวัน 16 มิถุนายน

บทความสอนใจประจำวัน 16 มิถุนายน

"เรากำลังไปเตรียมที่ให้ท่าน" (ยอห์น 14:2 THSV2011)

พระเยซูทำทุกสิ่งที่พระองค์ทำได้เพื่อเราในขณะที่พระองค์อยู่บนโลกนี้ และขณะนี้พระองค์กำลังเตรียมสวรรค์อันดีเยี่ยมไว้สำหรับเรา ที่นั่นจะเหมาะสมกับเราอย่างสมบูรณ์แบบ!

"ที่พำนักของท่านจะรุ่งโรจน์" (อิสยาห์ 11:10 THSV1971) ที่นั่นจะไม่มีความบาความเจ็บป่วย หรือการทนทุกข์อีกต่อไป พระองค์กำลังเตรียมชีวิตเราให้เหมาะสมกับที่นั่นพร้อมกับเตรียมที่นั่นให้เหมาะสมกับเรา!

ด้วยเหตุผลนี้ เรามีการทดลองที่ยังต้องฟันฝ่า แต่ "ความยากลำบากชั่วคราวและเล็กน้อยของเรา จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีนิรันดร์มากมายอย่างไม่มีที่เปรียบ" (2 โครินธ์ 4:17 THSV2011)

ขอให้เราคิดถึงความตายว่าเป็นการเข้าครอบครองที่ซึ่งพระองค์ได้เตรียมไว้เพื่อเรา จงระลึกด้วยว่าพระเยซูจะกลับมาอีกและรับเราไปอยู่กับพระองค์ เพื่อว่าพระองค์อยู่ที่ไหน พวกเราจะได้อยู่ที่นั่นด้วย ช่างเป็นสิทธิพิเศษที่เต็มด้วยเกียรติสิริ! ช่างเป็นพระพรที่ไม่สามารถพรรณนาได้!

"สวรรค์เป็นที่ที่สวยงาม
เต็มด้วยเกียรติสิริและพระคุณ!
ข้าฯ ต้องการเห็นพระพักตร์ของพระผู้ช่วยของข้าฯ
สวรรค์เป็นที่ที่สวยงาม!"

Reverend James Smith 
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
แปลโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์


The Believer's Daily Remembrancer

June 16

"I go to prepare a place for you." (John 14:2)

Jesus did all He could for us here on earth, and now He is preparing a wonderful heaven for us. It will just suit us perfectly!

"His rest will be glorious." (Isaiah 11:10) There will be no more sin, sickness or suffering. He is preparing us for it, as well as it for us!

For this reason we have trials to endure- but "our light afflictions which are but for a moment, are working out for us a far more exceeding and eternal weight of glory" (2 Corinthians 4:17).

Let us think of death as our going to take possession of the place that He has prepared for us. Remember too that Jesus will come again, and receive us to Himself, that where He is, we may be also. Glorious privilege! Unspeakable blessing!

"Heaven is a beautiful place,
full of glory and grace!
I want to see my Saviour's face-
heaven is a beautiful place."

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie





วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทความสอนใจประจำวัน 15 มิถุนายน


บทความสอนใจประจำวัน 15 มิถุนายน

"อย่าให้ใจของพวกท่านเป็นทุกข์เลย" (ยอห์น 14:1 THSV2011)

พระเยซูต้องการให้เรามีความสุขและมีชีวิตที่บริสุทธิ์ และไม่วิตกกังวลหรืออารมณ์เสีย พระองค์ห้ามไม่ให้คุณกลัว พระองค์สั่งให้คุณมีความเชื่อ คุณควรละทิ้งความวิตกกังวลทั้งหลายของคุณไว้กับพระองค์

เราจะทำเช่นนี้สำเร็จได้อย่างไร? จงระลึกถึงสิ่งที่พระเจ้าได้สัญญาไว้ พระองค์จะไม่มีวันทำให้คุณผิดหวัง พระองค์เฝ้าดูแลคุณอยู่ และพระองค์จะรอคอยโอกาสที่จะทำดีต่อคุณ พระองค์จะไม่อนุญาตให้สิ่งใดมาทำร้ายคุณ

พระองค์จะปกป้องรักษาคนเหล่านั้นไว้ในสันติสุขที่สมบูรณ์แบบ คือคนที่มีความคิดจดจ่ออยู่ที่พระองค์ เพราะพวกเขาวางใจในพระองค์ เพราะกำลังอันนิรันดร์อยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า

"พระเจ้าเป็นความเมตตากรุณา และจะไม่ทอดทิ้งคุณ 
เมื่อคุณจำเป็นที่จะต้องได้รับพระกรุณาของพระองค์อย่างมากที่สุด 
พระเจ้าทรงสัตย์จริง พระองค์ไม่สามารถหลอกลวงคุณได้ 
แม้ความเชื่อของคุณจะอ่อนแอถึงที่สุด"

Reverend James Smith 
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
แปลโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์


The Believer's Daily Remembrancer

June 15

"Don't let your heart be troubled." (John 14:1)

Jesus wants us to be happy and holy, and not worried and upset. He forbids your fear; He commands your faith. You should leave all your worries with Him.

How can we achieve this? Remember what God has promised by covenant. He will never fail you. He watches over you, and He waits for an opportunity to do you good. He will not allow anything to hurt you.

He will keep them in perfect peace, whose minds are stayed on Him, because they trust in Him. In the Lord is everlasting strength.

"God is love, and will not leave you, 
When you most His kindness need; 
God is true, nor can deceive you, 
Though your faith be weak indeed."

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทความสอนใจประจำวัน 14 มิถุนายน


บทความสอนใจประจำวัน 14 มิถุนายน

"ขอให้กำลังของท่านคงอยู่ตลอดวันคืนของท่าน" (เฉลยธรรมบัญญัติ 33:25 THSV2011)

ไม่มีใครสามารถบอกอนาคตได้ มีเพียงแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้อนาคต และพระองค์ได้สัญญาไว้ว่าประชากรของพระองค์จะได้รับกำลังเพียงพอสำหรับการทดลองที่พวกเขาจะเผชิญ

เราไม่ควรวิตกกังวล เพราะกำลังจะมาพร้อมกับการทดลอ การทดลองของเราจะมีปริมาณเท่ากับพระเมตตาที่พระเจ้าให้แก่เรา เราได้เห็นเสมอว่าพระเจ้าสัตย์ซื่อ พระองค์ให้กำลังเพียงพอสำหรับแต่ละวันเสมอ แล้วเหตุใดเราจึงควรสงสัยเล่า?

"ข้าพเจ้าจะวางใจและไม่กลัว เพราะพระยาห์เวห์ คือพระยาห์เวห์เองทรงเป็นกำลังและบทเพลงของข้าพเจ้า และพระองค์ทรงเป็นความรอดของข้าพเจ้าแล้ว" (อิสยาห์ 12:2 THSV2011)

เราก้าวจากกำลังสู่กำลังที่มากยิ่งขึ้น และผู้เชื่อแท้ทุกคนก็จะปรากฏต่อหน้าพระเจ้าในศิโยน พระองค์จะทำให้ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเราสมบูรณ์แบบ

เมื่อเป็นเช่นนี้ ขอให้เราคาดหวังที่พระเจ้าจะให้สิ่งจำเป็นทั้งสิ้นแก่เรา ขอให้เราเชื่อว่ากำลังของเราจะพียงพอสำหรับภาระของเรา

"วางใจเมื่อเหตุการณ์ผ่านไป วางใจเมื่อวันเวลาผ่านไป 
วางใจพระองค์ในทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เพียงแค่วางใจในพระเยซู" 
(Edgar Page Stites, เพลง "Simply Trusting Every Day")

Reverend James Smith 
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
แปลโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์


The Believer's Daily Remembrancer

June 14

"As your days, so shall your strength be." (Deuteronomy 33:25)

No one can possibly tell the future; but our God knows, and He has promised His people strength equal to their trials.

We should not be anxious, for with the trial comes the strength. Our trials are to be numbered among our mercies. We have always found our God faithful; He always gives strength according to the day; and why should we ever doubt?

"I will trust and not be afraid, for the Lord is my strength and my song; He also is become my salvation." (Isaiah 12:2)

We go from strength to strength, and every true believer shall appear before God in Zion. He will perfect that which concerns us.

Let us then expect God to give us all we need. Let us believe that our strength will be equal to the burden.

"Trusting as the days go by; 
Trusting as the moments fly; 
Trusting Him whate're befall, 
Trusting Jesus – that is all." 
(Edgar Page Stites, hymn "Simply Trusting Every Day")

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทความสอนใจประจำวัน 13 มิถุนายน


บทความสอนใจประจำวัน 13 มิถุนายน

"ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ก็ยืนอยู่" (เศคาริยาห์ 3:5 THSV2011)

เมื่อซาตานกล่าวหาโยชูวา เมื่อเสื้อผ้าอันสกปรกได้เป็นพยานแจ้งความผิดแก่ท่าน และท่านถูกเรียกตัวให้เข้าพบพระเจ้า พระเยซูก็ยืนอยู่ที่นั่นพร้อมที่จะช่วยเหลือท่าน

พระเยซูองค์เดียวกันนี้แหละ ที่ก็ได้ยืนอยู่เคียงข้างประชากรของพระองค์ทุกคนพระองค์ยืนอยู่ฝ่ายเราในการอธิษฐาน ในความยากลำบาก ในการทดลอง และในความพยายามทั้งสิ้นของเราที่จะถวายเกียรติสิริแด่พระเจ้า พระองค์ยืนอยู่เคียงข้างเราเพื่อสอนเราถึงพระประสงค์ของพระเจ้าและเพื่อช่วยเราในการรับใช้พระเจ้า

สายตาของเราควรจับจ้องไปที่พระเยซูเสมอ พระองค์จะไม่มีวันละทิ้งเราไปเลย พระเยซูเห็นทุกการกระทำของเรา วามจริงนี้ควรที่จะทำให้เราระมัดระวัง สำนึกในพระคุณ และมีความกล้าหาญอย่างยิ่ง

ขอให้เราระลึกเสมอว่าพระเยซูอยู่เคียงข้างเราเพื่อช่วยเรา

"ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ตั้งค่ายอยู่โดยรอบผู้ที่ยำเกรงพระองค์ พระองค์ทรงช่วยเขาให้พ้นภัย" (สดุดี 34:7 THSV2011)

Reverend James Smith 
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
แปลโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์


The Believer's Daily Remembrancer

June 13

"The Angel of the Lord stood by." (Zechariah 3:5)

When Satan accused Joshua, when his filthy clothes witnessed against him, and he was summoned to appear before God, it was Jesus who stood ready to help him.

The same Jesus stands by all His people. He stands on our side in prayer- in trouble- in temptation-in all our efforts to glorify God. He stands by to instruct us in the will of God; to help us in the work of God.

Our eyes should always be fixed on Jesus; He will never leave us. Jesus sees our every action. That should make us very careful, thankful and courageous.

May we always remember that Jesus stands by us to help us.

"The Angel of the Lord surrounds
And guards continually
All those who fear and honour Him;
He sets his people free." (Psalm 34:7)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie





วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทความสอนใจประจำวัน 12 มิถุนายน




บทความสอนใจประจำวัน 12 มิถุนายน

"พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงเป็นดวงตะวันและเป็นโล่" (สดุดี 84:11 THSV2011)

เราต้องพึ่งพาพระเจ้าสำหรับแสงสว่าง การปลอบใจ และการเกิดผลดี ทุกคนที่รู้จักพระองค์ เชื่อในพระองค์ และดำเนินชีวิตกับพระองค์ก็ได้รับพร

พระองค์ให้แสงสว่างในความมืด ความชื่นบานในความเศร้าโศก และชีวิตในความตาย เราพบการปกป้องในพระองค์ ความหลุดพ้นของพระองค์เป็นโล่ของเรา เราใช้โล่นี้โดยความเชื่อ พระองค์จะทำให้เราเข้าใจและปกป้องเราจากแผนการของซาตาน พระองค์จะไม่มีวันทำให้เราผิดหวังหรือละทิ้งเราให้ขัดสน พระองค์เทพระพรมาให้แก่เราเปล่าๆ เช่นเดียวกับที่ดวงอาทิตย์ได้ส่องแสงให้ความอบอุ่นแก่เรา

ดังนั้น ขอให้เรารอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้าในวันนี้ และดำเนินชีวิตในความสว่างของใบหน้าของพระองค์ จงวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า คำสัญญาของพระองค์จะสำเร็จในชีวิตของเรา และพระองค์จะยังคงทำให้ความสมบูรณ์แบบทุกประการของธรรมชาติของพระองค์ที่อยู่ในเราได้รับเกียรติสิริ

โอ พระคุณของพระองค์ช่างบริบูรณ์จริง!

"เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าทรงเป็นดวงตะวันและเป็นโล่ พระยาห์เวห์ประทานความโปรดปรานและเกียรติ พระองค์มิได้ทรงหวงสิ่งดีอันใดไว้ จากบรรดาผู้ที่ดำเนินในความซื่อสัตย์
ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมทัพ คนที่วางใจในพระองค์ก็เป็นสุข" (สดุดี 84:11-12 THSV2011)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
แปลโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์


The Believer's Daily Remembrancer

June 12

"The Lord God is a Sun and Shield." (Psalm 84:11)

We must look to God for light, comfort, and fruitfulness. All who know Him, believe Him, and walk with Him are blessed.

He gives light in darkness, joy in sorrow, and life in death. We find protection in Him. His salvation is our shield; we use it by faith. He will enlighten and protect us against all Satan's schemes. He will never fail us, or leave us in need. He pours down blessings upon as freely as the sun shines its heat.

Let us then wait upon the Lord this day, and walk in the light of His face. Trust in the Lord; His promises shall be fulfilled in us, and He will yet glorify every perfection of His nature in us.

O, the riches of His grace!

"For the Lord gives grace and honour;
God will be a shield and sun.
He will not withhold His blessing
From the just and blameless one.
Lord Almighty, great and true,
Blessed the one who trusts in You." (Psalm 84:11-12)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie

วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทความสอนใจประจำวัน 11 มิถุนายน



บทความสอนใจประจำวัน 11 มิถุนายน

"พระยาห์เวห์ทรงเป็นมรดกส่วนของข้าพเจ้า" (บทเพลงคร่ำครวญ 3:24 THSV2011)

คริสเตียนมีผู้ที่จัดเตรียมสิ่งต่างๆ ให้อย่างดีเยี่ยม! องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ให้พระองค์เองแก่เรา พระองค์กล่าวว่า "เราเป็นมรดกของท่าน" (กันดารวิถี 18:20)

เราอยู่กับพระองค์เสมอ และทุกสิ่งที่พระองค์มีก็เป็นของเรา ฤทธิ์อำนาจของพระองค์เป็นของเราเพื่อช่วยเหลือเรา พระปัญญาของพระองค์เป็นของเราเพื่อนำทางให้เรา ความรักท้ของพระองค์เป็นของเราเพื่อปลอบใจเรา พระเมตตาของพระองค์เป็นของเราเพื่อทำให้เราได้ผ่อนคลาย ความดีของพระองค์เป็นของเราเพื่อจัดเตรียมสิ่งต่างๆ ให้เรา ความยุติธรรมของพระองค์เป็นของเราเพื่อปกป้องเรา พระสัญญาของพระองค์เป็นของเราเพื่อรักษาเราไว้ให้ปลอดภัย และสวรรค์ของพระองค์เป็นของเราเพื่อต้อนรับเรา

เราจำเป็นต้องดำรงชีวิตในพระองค์ ชื่นชมยินดีในพระองค์ และพึ่งพาพระองค์สำหรับสิ่งจำเป็นทั้งสิ้นสำหรับชีวิตเรา เราจำเป็นต้องให้พระองค์เป็นที่หนึ่งในชีวิตในขณะที่เราแสวงหาที่จะดำรงชีวิตเพื่อเกียรติสิริของพระองค์ ไม่มีใครเอามรดกของเราไปจากเราได้ ผู้คนอาจจะทำให้เราผิดหวังและหลอกลวงเรา แต่พระเจ้าจะเป็นมรดกส่วนของเราตลอดไป

"ประทานคำปรึกษาแนะนำข้าพเจ้า แล้วจะทรงรับข้าพเจ้าไว้ในพระสิริรุ่งโรจน์ 
ยังมีใครอีกเล่าสำหรับข้าพเจ้าในสวรรค์? เมื่ออยู่กับพระองค์ ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาสิ่งใดบนแผ่นดิน 
แม้ร่างกายและจิตใจข้าพเจ้าอ่อนกำลัง พระเจ้าก็ทรงเป็นหลักศิลาแห่งดวงใจ ทรงเป็นทรัพย์สมบัติของข้าพเจ้าตลอดไป" (สดุดี 119:24-26 THSV2011)

Reverend James Smith 
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
แปลโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์


The Believer's Daily Remembrancer

June 11

"The Lord is my portion." (Lamentations 3:24)

The Christian is wonderfully provided for! The Lord has given us Himself; He says, "I am your inheritance." (Numbers 18:20)

We are always with Him, and all He has is ours. His power is ours to support us, His wisdom to guide us, His love to comfort us, His mercy to relieve us, His goodness to provide for us, His justice to defend us, His covenant to keep us secure, and His heaven to receive us.

We are to live in Him, rejoice in Him, and look to Him for all we need. We must give Him first place as we seek to live for His glory. No one can take our inheritance from us. People may fail us and deceive us, but God is our portion for ever.

"To Your glory You will bring me
With Your counsel as my guide.
I have none but You in heaven;
All on earth I lay aside.
Flesh and heart may fail, but ever
God my portion will abide." (Sing Psalms 73:24-26)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie






วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทความสอนใจประจำวัน 10 มิถุนายน


"เราคือ อัลฟาและโอเมก้า" (วิวรณ์ 22:13)

บทความสอนใจประจำวัน 10 มิถุนายน

"เราคือ อัลฟาและโอเมก้า" (วิวรณ์ 22:13 THSV2011)

พระเยซูเป็นเบื้องต้นและบั้นปลาย พระองค์เริ่มต้น พระองค์ดำเนินการ และพระองค์จะทำการงานที่ยิ่งใหญ่เพื่อความหลุดพ้นนิรันดร์องเราให้สำเร็จ

พระองค์เป็นบุคคลแรกที่อยู่กับเราในการทดลองต่างๆ และจะไม่มีวันละทิ้งหรือทอดทิ้งเราเลย พระองค์เป็นรากฐานที่ชีวิตของเราสร้างขึ้นมา พระองค์รวมเอาทุกสิ่งที่ดี ยิ่งใหญ่ และเต็มด้วยเกียรติสิริ ผู้ทีเชื่อวางใจพระเยซูมีทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับโลกนี้และสำหรับนิรันดร์กาล

ขอให้เราเริ่มต้นกับพระเยซู และดำเนินชีวิตต่อไปกับพระเยซู แล้วเราก็จะมีอวสานร่วมกันกับพระเยซู ซึ่งจะเป็นอวสานที่เต็มด้วยพระพร

โอ้ ขอที่ข้าพระองค์จะรู้จักพระองค์ และรู้จักฤทธิ์เดชแห่งการคืนพระชนม์ของพระองค์ และรู้จักการมีส่วนร่วมในความทุกข์ของพระองค์ และเป็นเหมือนพระองค์ในความตาย

ขอให้เรามองดูพระเยซูผู้เป็นอัลฟาและโอเมกาของเราทุกๆ วัน

"พระคริสต์เป็นความหวัง กำลัง และผู้นำทางชีวิตของข้าฯ
พระองค์คร่ำครวญ หลั่งโลหิต และสละชีวิตเพื่อข้าฯ
พระคริสต์เป็นแหล่งของสุขสำราญทั้งสิ้นของข้าฯ
เป็นสติปัญญา และความชอบธรรมของข้าฯ
พระผู้ช่วย พี่ชาย สหายที่ไว้ใจได้ของข้าฯ
ข้าฯ จะหวังพึ่งในพระองค์แต่เพียงผู้เดียว"

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
แปลโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์


The Believer's Daily Remembrancer

June 10

"I am Alpha and Omega." (Revelations 22:13)

Jesus is the first and the last. He began, He carries on, and He will complete the great work of our eternal salvation.

He is first with us in every trial, and He will never leave us nor forsake us. He is the foundation on which we build. He includes all that is good, great and glorious. The believer in Jesus has everything needed for this world and eternity.

Let us begin with Jesus, and then go on with Jesus, so shall we end with Jesus; and a blessed end it will be.

Oh, to know Him, and the mighty power that raised Him from the dead, to suffer with Him sharing in His death.

Let us look to Jesus as our Alpha and Omega from day to day.

"Christ is my hope, my strength, my guide,
For me He groaned, and bled, and died;
Christ is the source of all my bliss,
My wisdom, and my righteousness;
My Saviour, Brother, faithful Friend,
On Him alone I now depend."

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทความสอนใจประจำวัน 09 มิถุนายน


"อิสราเอลเอ๋ย จงฝากความหวังไว้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้า" (สดุดี 130:7)

บทความสอนใจประจำวัน 09 มิถุนายน

"อิสราเอลเอ๋ย จงฝากความหวังไว้ทีองค์พระผู้เป็นเจ้า" (สดุดี 130:7 TNCV)

คำว่า "อิสราเอล" หมายถึง ประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งหมด คำนี้บ่งชี้ถึงความมีเกียรติ เพราะพวกเขาคือเจ้าชาย คำนี้บ่งชี้ถึงประสบการณ์ของพวกเขา เพราะพวกเขาปล้ำสู้กับพระเจ้าในคำอธิษฐาน และพวกเขามีชัยชนะ

พระเจ้าของเราเป็น "พระเจ้าแห่งความหวัง" และเราควรจะฝากความหวังไว้ในพระองค์

อิสราเอลควรฝากความหวังไว้ในพระเมตตาของพระองค์ ในความอดทนอดกลั้นของพระองค์ ในการจัดเตรียมของพระองค์ ในการไถ่อันล้ำค่าของพระองค์ พวกเขาควรมีความหวังที่จะพบแสงสว่างในความมืด พบกำลังในความอ่อนแอ พบการนำทางในความสับสนอลหม่าน พบการช่วยกู้ในอันตราย พบชัยชนะในความขัดแย้ง และพบการเฉลิมฉลองแห่งชัยชนะในความตาย

พวกเขาควรฝากความหวังไว้ในพระเจ้าด้วยความมั่นใจเพราะพระองค์ได้สัญญาไว้ ด้วยใจอธิษฐานเพราะพระองค์ปรารถนาที่จะฟังจากเรา ด้วยความเชื่อฟังเพราะคำสั่งของพระองค์ก็ชัดเจน และด้วยความสม่ำเสมอเพราะพระองค์ไม่เปลี่ยนแปลง

จงฝากความหวังไว้ในองค์พระผู้เป็นเจ้า และในองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงผู้เดียว

"อิสราเอลเอ๋ย จงฝากความหวังไว้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะความรักมั่นคงอยู่ที่องค์พระผู้เป็นเจ้า
การไถ่อันสมบูรณ์อยู่ที่พระองค์
พระองค์เองจะทรงไถ่อิสราเอล
จากบาปทั้งสิ้นของพวกเขา" (สดุดี 130:7-8 TNCV)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
แปลโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์


The Believer's Daily Remembrancer

June 09

"O Israel, hope in the Lord." (Psalm 130:7)

This title refers to all the Lord's people; it sets forth their dignity- they are princes; it refers to their experience, they wrestle with God in prayer, and they prevail.

Our God is "The God of Hope": and we should hope in Him.

Israel should hope in His mercy- in His patience – in His provision- in His precious redemption. They should hope for light in darkness; for strength in weakness; for direction in perplexity; for deliverance in danger; for victory in conflict; and for triumph in death.

They should hope in God with confidence, because He has promised; prayerfully, for He loves to hear from us; obediently, for His commandments are clear; and constantly, for He does not change.

Hope in the Lord, and in the Lord alone.

"O Israel, put your hope in God,
For mercy is with Him
And full redemption. From their sins
His people He'll redeem." (Psalm 130:7-8)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทความสอนใจประจำวัน 08 มิถุนายน

"ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเราใครเล่าจะต่อสู้เราได้?" (โรม 8:31)

บทความสอนใจประจำวัน 08 มิถุนายน

"ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเราใครเล่าจะต่อสู้เราได้?" (โรม 8:31 TNCV)

ในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู ความสมบูรณ์แบบทั้งหมดของพระเจ้าของเราก็มีพร้อมสำหรับการปกป้องและความปลอดภัยของเรา พระองค์อยู่ฝ่ายเรา สนับสนุนเรา ต่อสู้กับศัตรูของเรา

อะไรคือสิ่งที่พระเจ้าได้สัญญาไว้? พระองค์จะไม่มีวันทอดทิ้งเราหรือละทิ้งเรา เราจะมีชัยชนะในพระคริสต์ แต่ชัยชนะนี้อยู่ในพระคริสต์เท่านั้น

หากพระเจ้าอยู่ฝ่ายเราแล้ว เราก็จะมีสิ่งจำเป็นทั้งหมดจัดเตรียมให้แก่เรา หากพระเจ้าอยู่ฝ่ายเราแล้ว มนุษย์หรือมารก็จะไม่มีทางมีอำนาจเหนือเรา หากพระเจ้าอยู่ฝ่ายเราแล้ว เราก็จะชนะโลกนี้ พิชิตความตาย และรับเกียรติศักดิ์ศรีเป็นมรดกชั่วนิรันดร์

พระเจ้าอยู่ฝ่ายเรา แล้วใครเล่าจะทำร้ายเราได้? อะไรจะทำให้เราตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวได้? พระเจ้าเป็นของเราและเราก็เป็นของพระเจ้า นี่เป็นเกียรติยศของเรา ความสุขของเรา การโอ้อวดของเรา และเกียรติสิริของเรา

"ในพระนามพระเยซู ในพระนามพระเยซู
เราจะเป็นผู้มีชัย
ในพระนามพระเยซู ในพระนามพระเยซู
ผีร้ายจะต้องหนีไป
เมื่อเราสู้โดยนามพระเยซู
ใครสามารถต่อสู้เราได้
เมื่อเราสู้โดยนามพระเยซู
เราจะเป็นผู้มีชัย"
(เพลง "ในพระนามพระเยซู")

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
แปลโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์


The Believer's Daily Remembrancer

June 08

"If God is for us, who can be against us?" (Romans 8:31)

As believers in Jesus, all the perfections of our God are available for our protection and safety. He is for us; engaged in our cause; opposed to our enemies.

What has God promised? He will never leave us, nor forsake us. We may triumph in Christ, but only in Christ.

If God is for us, then all that we need will be available. If God is for us, men or devils will never prevail against us. If God is for us, we shall overcome the world, conquer death, and eternally inherit glory.

God is for us, who then can harm us? What then shall alarm or terrify us? God is ours; we are God's. This is our honour, our happiness, our boast and our glory.

"In the name of Jesus, in the name of Jesus,
We have the victory!
In the name of Jesus, in the name of Jesus,
Demons will have to flee!
Who can tell what God can do?
Who can tell of His love for you?
In the mighty name of Jesus
We have the victory!"
(Hymn "In The Name of Jesus")

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทความสอนใจประจำวัน 07 มิถุนายน

"องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า 'เจ้าเป็นพยานของเรา' " (อิสยาห์ 43:12)

บทความสอนใจประจำวัน 07 มิถุนายน

"องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า 'เจ้าเป็นพยานของเรา' " (อิสยาห์ 43:12 TNCV)

พระเจ้าเรียกเราให้บอกเล่าถึงความจริงและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า บอกเล่าถึงความดี ความบริสุทธิ์ และความสัตย์ซื่อของพระองค์ เราจะต้องบอกเล่าแก่โลกนี้ด้วยคำกล่าวยืนยันและการกระทำที่ประกอบด้วยความกล้าหาญและความรักแท้ สิ่งนี้ควรจะเกิดขึ้นจากการดำเนินชีวิตประจำวันกับพระเจ้า

เรารู้จักพระเจ้าหรือไม่? เรามีประสบการณ์กับฤทธิ์อำนาจแห่งความจริงในหัวใจของเราทุกๆ วันหรือไม่? ประสบการณ์ของเราปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระจากความกลัว การรักโลก และฤทธิ์อำนาจของบาปหรือไม่?

เราบอกได้หรือไม่ว่า "เรารู้และเชื่อมั่นในความรักที่พระเจ้ามีต่อเรา พระเจ้าเป็นความรัก" (1 ยอห์น 4:16)? เรากำลังบอกกับคนรอบข้างได้หรือไม่ว่า "เชิญชิมดูแล้วจะรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าแสนดี ความสุขมีแก่ผู้ที่ลี้ภัยในพระองค์" (สดุดี 34:8)?

เราพร้อมเหมือนเปาโลผู้ที่กล่าวคำยืนยันต่อหน้าผู้พิพากษาและกษัตริย์ในการจองจำ และยอมแลกแม้กระทั่งชีวิตของเขาเองหรือไม่?

"ขอบพระคุณสำหรับการกำหนดเส้นทางชีวิตให้ข้าฯ
ขอบพระคุณสำหรับการรับเอาความผิดบาป ความกลัว และความดิ้นรนฟันฝ่าของข้าฯ ไป
คำอธิษฐานของข้าฯ คือที่จะรู้จักพระองค์มากขึ้นในแต่ละวัน
และที่จะแบ่งปันพระองค์ให้กับผู้ที่ยังไม่พบหนทางชีวิตของเขา
"
(Bonnie Mendell - อดีตผู้ติดเฮโรอีน)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
แปลโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์


The Believer's Daily Remembrancer

June 07

" 'You are My witnesses,' says the Lord." (Isaiah 43:12)

We are called to witness to the truth and the power of God; to His goodness, holiness and faithfulness. We are to witness to the world by our testimony and conduct with courage and love. It should arise from our daily walk with God.

Do we know God? Do we daily experience the power of truth in our hearts? Does it free us from fear, the love of the world and the power of sin?

Can we say, "We have known and believed the love which God has for us – God is love" (1 John 4:16)? Are we saying to those around us, "O taste and see that the Lord is good; there is no lack to those who fear Him" (Psalm 34:8)?

Are we ready like Paul, to witness before judges and kings, in prison or at the cost of our very lives?

"Thank You for setting a course for my life;
Thank You for taking my guilt, fear and strife.
My prayer is to learn more about You each day,
And to share You with those who have not found their way."
(Bonnie Mendell- former heroin addict)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie



วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทความสอนใจประจำวัน 06 มิถุนายน


"ท่านผู้นี้ทำทุกอย่างล้วนดีทั้งนั้น" (มาระโก 7:37)

บทความสอนใจประจำวัน 06 มิถุนายน

"ท่านผู้นี้ทำทุกอย่างล้วนดีทั้งนั้น" (มาระโก 7:37 THSV2011)

นี่เป็นการตัดสินของฝูงชนที่เห็นการอัศจรรย์ของพระเยซู เราเห็นด้วยกับพวกเขาอย่างจริงจ พระองค์เรียกเราโดยพระคุณของพระองค์ และเราชื่นชมยินดีในทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทำเพื่อเรา

พระองค์ได้ทดสอบเราเป็นครั้งคราว แต่เมื่อเราคิดถึงพระเมตตาของพระองค์และการที่พระองค์ช่วยให้เราผ่านพ้นได้ เราก็ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลย

เรามองย้อนดูการตายบนไม้กางเขนของพระเยซูเพื่อนำเราสู่ความหลุดพ้น การคืนชีวิตจากความตายของพระองค์ การส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งเป็นผู้ปลอบใจเรา และเราก็โห่ร้องสรรเสริญว่า "ท่านผู้นี้ทำทุกอย่างล้วนดีทั้งนั้น"

เมื่อเราไปถึงสวรรค์ เราก็จะสรรเสริญพระองค์ชั่วนิรันดร์สำหรับทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทำด้วยใจขอบพระคุณและด้วยความรั

"ความรักของพระองค์ที่มีต่อคนบาปอย่างข้าฯ
ทั้งสิ้นช่างยิ่งใหญ่ ยอดเยี่ยม และไม่คิดมูลค่า
พระองค์คว้าข้าฯ ขึ้นมาจากนรก!
พระเยซูของข้าฯ ทำทุกย่างล้วนดีทั้งนั้น"
(Samuel Medley)

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
แปลโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์


The Believer's Daily Remembrancer

June 06

"He has done all things well." (Mark 7:37)

This was the verdict of the crowd who saw the miracles of Jesus. We heartily agree. He called us by His grace and we rejoice in all He has done for us.

We have been tried and tested from time to time, but when we think of His mercies and His deliverances we give thanks that He has never failed us.

We look back to the death of Jesus on the cross to procure our salvation, to His rising again from the dead, to His sending the Holy Spirit as our Comforter and we acclaim, "He has done all things well."

When we reach heaven, with what thanksgiving and love, we shall praise Him eternally for all He has done.

"How sovereign, wonderful, and free,
Is all His love to sinful me,
He plucked me as a brand from hell!
My Jesus has done all things well."
(Samuel Medley)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie



วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทความสอนใจประจำวัน 05 มิถุนายน

บทความสอนใจประจำวัน 05 มิถุนายน

"พระองค์เจ้าข้า พระองค์ประสงค์จะให้ข้าพระองค์ทำอะไร" (กิจการ 9:6 TKJV)

ประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งหมดควรทำงานเพื่อถวายเกียรติสิริแด่พระเจ้า มีบางสิ่งให้เราทำในวันนี้ พระเยซูเป็นเจ้านายของเราและมีสิทธิที่จะได้รับการรับใช้จากเรา เราควรเชื่อฟังพระองค์เป็นประจำด้วยความเต็มใจและความยินดี

เราเป็นของพระองค์หรือไม่? เราแสดงออกได้ด้วยการเชื่อฟังพระองค์

เรามีความเชื่อ ความหวัง ความรัก ความถ่อมใจ สันติสุข และใจสำนึกในพระคุณหรือไม่? เมื่อนั้นเราควรทำงานเพื่อพระองค์ ทำงานตลอดเวลา และทำงานราวกับว่าทุกวันเป็นวันสุดท้ายของเรา พร้อมด้วยมีใจขอบพระคุณพระองค์สำหรับพระพรทั้งสิ้นที่เราได้รับ

คุณกำลังรับใช้พระเยซูด้วยพระวิญญาณของพระองค์หรือไม่? จงระวัง อย่าให้การรับใช้ของคุณมาแทนที่พระเยซู ทำทุกสิ่งที่คุณสามารถทำได้ และวางทุกสิ่งไว้ที่เท้าของพระองค์ เพราะว่าสิ่งเหล่านั้นจำเป็นต้องได้รับการชำระล้าง!

"พระเจ้าได้เรียกคุณให้ออกจากความมืด
เข้าสู่ความสว่างอันล้ำเลิศที่สุดของพระองค์
พระองค์ได้นำความจริงของพระองค์สู่ชีวิตภายในคุณ
ทำให้คุณซึ่งตาบอดได้มองเห็น
ขอที่แสงสว่างของคุณจะส่องประกาย
เพื่อพระนามของพระเจ้าจะได้รับเกียรติสิริ
และทุกคนก็จะได้พบความหวังและวัตถุประสงค์ที่สดใหม่
ในพระเยซูคริสต์ผู้ได้สละพระชนม์เพื่อเราทั้งหลาย"

Reverend James Smith
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
แปลโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์


The Believer's Daily Remembrancer

June 05

"Lord, what so You want me to do?" (Acts 9:6)

All the Lord's people should be working for the Lord's glory. There is something for us to do to-day. Jesus is our Master, and has a right to our service. We should obey Him willingly, cheerfully, habitually.

Are we His? We show it by obeying Him.

Have we faith, hope, love, humility, peace and thankfulness? We ought then in thankfulness for all these blessings to be working for Him, always working, and working as if every day were our last.

Are you serving Jesus in the spirit of Jesus? Beware not to put your service in the place of Jesus.

Do all you can, and then lay all you do at His feet, it will need washing!

"God has called you out of darkness
Into His most marvellous light;
Brought His truth to life within you,
Turned your blindness into sight.
Let your light so shine around you
That God's name is glorified
And all find fresh hope and purpose
In Christ Jesus crucified."

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie


วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทความสอนใจประจำวัน 04 มิถุนายน


บทความสอนใจประจำวัน 04 มิถุนายน

"พระกรุณาที่มีต่อเรา" (เอเฟซัส 2:7 THSV2011)

ขอให้เราสรรเสริญพระเจ้าสำหรับพระกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่มีต่อเราในทุกส่วนของชีวิตของเรา แต่เน้นเป็นพิเศษสำหรับการเกิดใหม่ฝ่ายวิญญาณของเรา

มีคนมากมายเพียงไรที่เกิดที่เดียวกับเราและเรียนที่โรงเรียนเดียวกันกับเรา แล้วได้ดำรงชีวิตโดยปราศจากการรับรู้ถึงพระกรุณาอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า? เหตุใดเราจึงได้รับสิทธิพิเศษมากเช่นนี้? พระคุณได้เรียกเรา!

ความบาปมากมายของเราได้รับการยกโทษ และเราก็ได้รับการพิทักษ์รักษาไว้โดยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า! เราได้รับการอวยพรโดยพระสัญญาของพระเจ้า และได้รับการช่วยให้สามารถดำเนินชีวิตกับพระเจ้าได้ เรากำลังรอคอยการกลับมาของพระเยซู เรามีพระสัญญาแห่งชีวิตนิรันดร์! เราสามารถกล่าวได้ว่า "ทุกสิ่งก็เป็นของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าเป็นของพระคริสต์ และพระคริสต์เป็นของพระเจ้า"

"โอ ขอทรงสำแดงพระองค์เองให้ข้าฯ ได้เห็นมากยิ่งขึ้นในทุกโมงยาม
โอ ขอทรงสำแดงเกียริสิริของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าและองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าฯ
ในพระคุณและฤทธิ์อำนาจของพระองค์ ขอทรงสำแดงพระองค์เองมากยิ่งขึ้
ขอทรงสำแดงความรักและความจริงมากยิ่งขึ้นด้วยเถิด พระคำผู้เสด็จมาบังเกิด" 
(H. Bonar)

Reverend James Smith 
ปรับปรุงโดย Alina McKenzie
แปลโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์


The Believer's Daily Remembrancer

June 04

"His kindness to us." (Ephesians 2:7)

Let us praise God for His great kindness to us in every aspect of our lives- but especially in our spiritual rebirth.

How many, born in the same place, and educated in the same school, have lived their lives without a realization of the great kindness of God? Why have we been so privileged? We have been called by grace!

Our many sins have been forgiven, and we are kept by the power of God! We are blessed by the promises of God, and enabled to walk with God. We are looking for the coming again of Jesus. We have the promise of everlasting life! We can say, "All things are mine, for I am Christ's, and Christ is God's!"

"More of Yourself, O show me hour by hour,
More of Your glory, O my God and Lord;
More of Yourself, in all Your grace and power,
More of Your love and truth, Incarnate Word!" 
(H. Bonar)

Reverend James Smith
Adapted by Alina McKenzie