ในพระคัมภีร์มีหลายชุดที่ประกอบด้วย 3 อย่าง เช่น ตรีเอกานุภาพ  และความหวังก็เป็นหนึ่งในชุดสามที่ประกอบไปด้วยความเชื่อ ความหวัง และความรัก 
  ที่ไหนที่ไม่มีความเชื่อ ที่นั่นก็ไม่มีความหวัง  และที่ใดไม่มีความหวัง ก็บ่งบอกว่าที่นั่นไม่มีความเชื่อ เพราะคนที่เชื่อพระเจ้าจะมีความหวัง 
  ถ้าใครจะกล่าวว่าเชื่อพระเจ้า แต่เมื่อเจอปัญหาแล้วบอกว่าหมดหวัง  คำพูดเช่นนี้เป็นสิ่งที่ปฏิเสธสิ่งที่กล่าวไว้เมื่อตอนต้น
  ภาษามีทั้งวัจนภาษา (verbal) และอวัจนภาษา  (nonverbal) ทุกครั้งที่ทั้งสองอย่างขัดกัน คนจะเชื่ออวจนภาษา 
  เราเป็นผู้เชื่อ เราจะพูดกี่พันครั้งก็ได้ว่าเชื่อพระเจ้า รักพระเจ้า  แต่ถ้าเราไม่มีความหวัง ไม่ว่าจะความหวังด้านการเรียนต่อ  ความหวังด้านการงานและธุรกิจ หรือความหวังด้านความรัก  และการแสดงออกหรือพฤติกรรมบอกว่าสิ้นหวัง ความเชื่อเราก็ไม่เป็นจริง
  ในพระคัมภีร์ มีเรื่องราวของคนที่มีความเชื่อมากมาย  ที่พบกับเหตุการณ์ที่ทำให้สิ้นหวัง ดังปรากฏในพระธรรมบทเพลงคร่ำครวญ บทที่ 3
  นี่เป็นเรื่องราวของเยเรมีย์  พระเจ้าทรงเรียกท่านให้ไปบอกคนมากมายให้เปลี่ยนพฤติกรรมและกลับใจใหม่  ซึ่งเป็นงานยาก เพราะคนส่วนใหญ่ไม่คิดกลับใจ ไม่คิดเปลี่ยนแปลง  ทำให้ประเทศย่ำแย่ย่อยยับ ประชาชนกำลังเผชิญความยากลำบากเพราะประชาชนทำบาปมากมาย
  ไม่แน่เราอาจได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ในประเทศไทย ที่คนนับถือศาสนาเพียงแค่ปาก  คนส่วนใหญ่กลับไม่มีศาสนา
  จากพระคำตอนนี้ อ่านแล้วดูเหมือนหดหู่ แต่ขอที่เราจะอ่านต่อในข้อ 21-26  แล้วเราจะพบได้ว่าบรรยากาศเปลี่ยนไปจากข้อ 1-20 เพราะตั้งแต่ข้อ 21  ท่านเยเรมีห์มีแต่ความหวังใจ
  ความหวัง คือ  คาดคิดด้วยความใส่ใจ คนเราทุกคนมีความคาดหวัง  หรือความหวังใจ
 ศจ. ธงชัย  ประดับชนานุรัตน์
    คำเทศนาการนมัสการรอบบ่าย คริสตจักรสะพานเหลือง
   เมื่อวันที่ 08/05/2011
   เรื่อง ความหวัง
    หมายเหตุ:  ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด  รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ  เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ  
  
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น