วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

น้ำใจแบบองค์พระเยซูคริสต์ (5/8)


แต่ได้กลับทรงสละ และทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ (ฟิลิปปี 2:7)


เมื่อพระเยซูคริสต์ทรงเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ ก็ทรงสละออก นั่นคือ ทำให้ว่างเปล่า

เจ้าของร้านซักอบรีดคนหนึ่ง วันหนึ่งไปเดินห้าง เห็นขวดน้ำหอมราคา 4000 บาทก็รู้สึกถูกใจ จึงได้ซื้อมา แต่เมื่อกลับถึงร้านซักอบรีด ก็เทน้ำหอมทิ้งท่อ นำขวดไปขัดสีอย่างดี และใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มเข้ามาแทน

เช่นเดียวกัน พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้า และได้ทรงสละสภาพของพระเจ้าออก เพื่อรับน้ำใจแบบทาสเข้ามาแทน

แม้ว่าพระองค์ทรงมีเกียรติ ก็ทรงยอมเป็นทาสที่ไม่มีเกียรติ

แม้ว่าพระองค์สบาย ก็ทรงยอมรับความยากลำบาก

แม้ว่าพระองค์จะรับการปรนนิบัติ ก็ทรงยอมปรนนิบัติผู้อื่น

พระองค์ไม่ได้มาในลักษณะของความเป็นนาย หรือร่ำรวย แต่ทรงเป็นเหมือนคนงาน ที่ทำงานเหมือนคนทั่ว ๆ ไป

เมื่อทรงบังเกิด ความเป็นมนุษย์ก็มาอยู่ในพระองค์ แม้ว่าก่อนหน้านั้น พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงเป็นหนึ่งเดียวกัน ทรงสมบูรณ์แบบ แต่เมื่อทรงรับสภาพมนุษย์ พระองค์ก็ทรงกำลังรับสภาพอีกสภาพหนึ่งที่ไม่สมบูรณ์เลย คือ สภาพของการเป็นผงคลีดิน

พระเจ้าไม่มีความขาดแคลน แต่เมื่อทรงรับสภาพมนุษย์ ทรงมีความขาดแคลน มีความจำกัด

พระองค์เมื่ออยู่ในสภาพของพระเจ้าได้รับการสรรเสริญ แต่เมื่อมาเป็นมนุษย์ กลับทรงโดนด่า

ถ้าเรามีพร้อมทุกอย่าง แล้วต้องสละหมดเช่นกับพระองค์ เราจะมีสันติสุขได้หรือไม่? เราจะเรียกร้องคนรอบข้างให้รับผิดชอบตอบสนองต่อความเสียสละของเราหรอไม่?

ผู้เชื่อหลายคนเสียสละมากมาย แต่กลับผิดหวังกับคริสตจักรที่ไม่เสียสละ

เมื่อพระเยซูคริสต์ ทรงสละสภาพของพระเจ้า มาเป็นมนุษย์ พระองค์มิได้ทรงเรียกร้องให้เรารับผิดชอบหรือตอบสนองต่อความเสียสละของพระองค์ พระองค์มิได้ทรงมาอย่างสบายหรือในรูปแบบของกษัตริย์ แต่ทรงมีชีวิตที่ธรรมดา จนคนที่สัมผัสพระองค์ เข้ามาแบบไม่เกรงศักดิ์ศรีของพระองค์เลย

ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม แค่มองหีบพันธสัญญา ก็อาจต้องเสียชีวิต แต่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้า คนมารุมล้อมมากมาย คิดว่าเป็นอาจารย์คนหนึ่งที่สอนเก่ง นี่เป็นเพราะวิธีคิด และการทำตัวของพระองค์เป็นเช่นนั้น เมื่อพระองค์ทรงสละออกทั้งใจ

พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า พระบุตรจะกระทำสิ่งใดตามใจไม่ได้ นอกจากที่ได้เห็นพระบิดาทรงกระทำ เพราะสิ่งใดที่พระบิดาทรงกระทำ สิ่งนั้นพระบุตรจึงทรงกระทำด้วย" (ยอห์น 5:19)

นี่เป็นการตัดสินใจของพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่เป็นเพราะพระองค์ทรงมีศักดิ์ศรีต่ำกว่า

ผู้จัดการ 2 คน ตำแหน่งเท่ากัน เก่งเท่ากัน ผลงานดีเท่ากัน ฉลาดเท่ากัน มีสิทธิอำนาจเท่าเทียมกัน ระหว่าง 2 คนที่มีสภาพเหมือนกันทุกอย่าง จะมีใครยอมใครหรือไม่? แต่ในพระเจ้าที่ทรงเท่าเทียมกัน พระเยซูคริสต์ทรงยอม การยอมมิได้หมายถึงว่าพระองค์ทรงมีศักดิ์ศรีน้อยกว่า

ชีวิตเริ่มต้นจากใจ และพระทัยของพระเยซูคริสต์ทรงสละออก

มีอยู่ 2 เรื่องที่เจ้าตัวเห็นได้ยากมาก คือ ความถ่อม และความหยิ่ง สิ่งเหล่านี้เจ้าตัวมักไม่รู้ แต่คนรอบข้างจะสัมผัสได้

เมื่อพระเยซูคริสต์ทรงสละสภาพของพระเจ้ามาเป็นมนุษย์ มิได้หมายถึงว่าพระองค์หมดสภาพของการเป็นพระเจ้า พระองค์ยังทรงมีสภาพของพระเจ้า 100% แต่มิได้ทรงยุ่งเกี่ยวกับสภาพพระเจ้า

เปียโน 10 ล้าน แม้อยู่ในสถานที่ที่ไม่สามารถแสดงประสิทธิภาพได้ หรือแม้จะอยู่กับผู้ที่ไม่สามารถเล่นได้ดี เปียโนหลังนั้นก็ยังคงมีมูลค่า 10 ล้านอยู่ดี เช่นเดียวกัน พระเยซูคริสต์ทรงเป็นมนุษย์ 100 เปอร์เซ็นต์ และก็ยังทรงเป็นพระเจ้า 100 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน เพียงแค่พระองค์ยังมิได้ทรงใช้สภาพความเป็นพระเจ้าของพระองค์อย่างเต็มที่


อ. ชัยราช กิจเกื้อกูล (พี่ด้องYFC)

คำเทศนาค่ายสามคณะ คริสตจักรสะพานเหลือง "กายเดียวกัน" ตอนที่ 2

ระหว่างวันที่ 23-25/10/2010 ณ อาราญาน่า ภูพิมาน รีสอร์ทแอนด์สปา

เมื่อคืนวันที่ 24/07/2010

 

หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น