ศักยภาพเรื่องเหตุและผล (1)
สิ่งที่ข้าพเจ้าจะพูดถึง คือ ศักยภาพเรื่องเหตุและผล นี่เป็นสิ่งที่ยากที่สุด และคนไม่อยากฟัง เพราะเปลืองสมอง
มีการศึกษาหนึ่ง กล่าวถึงประชากรของคนเอเชีย โดยเฉพาะคนไทย ว่า
5% ใช้สมอง เป็นนักคิด
15% คิดว่าตัวเองคิด แต่ไม่ได้คิด ยืมสมองคนอื่นมาคิด
80% คิดว่า ถ้าให้ฉันคิด ฆ่าฉันให้ตายดีกว่า
นี่เป็นจริงหรือไม่? ลองดูในช่วงเทศกาลคริสตมาส หากผู้นำถามคริสตจักรว่าจะทำกิจกรรมอะไรดีในช่วงเทศกาลคริสตมาส แน่นอนว่าสมาชิกจะตอบทันทีว่า "แล้วแต่อาจารย์" คือให้อาจารย์สั่ง พร้อมจะทำทุกอย่าง
วันนี้ ขอให้พี่น้องตั้งใจฟัง
เวลาฟังสิ่งเหล่านี้ จะเป็นเหมือนกับการเที่ยวตะวันออกกลาง นั่งสักพักจะ "เลบานอน" นอนเสร็จก็ "อิสราเอล" อิสราเอลแล้วก็ "อาหรับ" หยุดแค่อาหรับพอ บางคนต่อไป "สกล" ซึ่งหนวกหูชาวบ้าน ถ้าเป็นเช่นนั้น คือข้าพเจ้าจะพาไป "ทะเลตาย"
ถ้าง่วงหนาวหาวนอน หาวแรกข้าพเจ้าจะไม่พูด หาวที่สองข้าพเจ้าจะไม่บน แต่หาวที่สามนี่น่าดู (สามหาว ไม่ใช่หามสาว)
วันนี้ ข้าพเจ้าจะพูดเกี่ยวกับศักยภาพเรื่องเหตุและผล
49 "เรามาเพื่อจะให้ไฟเกิดขึ้นที่แผ่นดินโลก เราอยากให้ไฟนั้นลุกขึ้นแล้ว
50 เราจะต้องรับบัพติศมาอย่างหนึ่ง เราเป็นทุกข์มากจนกว่าจะสำเร็จ
51 พวกท่านคิดว่าเรามาเพื่อจะให้เกิดสันติภาพในโลกหรือ? เราบอกท่านว่า ไม่ใช่ แต่จะให้แตกแยกกันต่างหาก
52 เพราะว่าตั้งแต่นี้ไป ห้าคนในบ้านหลังหนึ่งก็จะแตกแยกกัน คือสามต่อสองและสองต่อสาม
53 พ่อจะแตกแยกกับลูกชาย และลูกชายจะแตกแยกกับพ่อ
แม่กับลูกสาว และลูกสาวกับแม่
แม่ผัวกับลูกสะใภ้ และลูกสะใภ้กับแม่ผัว" (ลูกา 12:49-53 THSV2011)
ถ้าใครเทศนา และยึดพระคัมภีร์แค่ตอนนี้ คนไทยคงจะรับไม่ได้ เพราะพระเยซูเป็นเหตุให้เกิดการแตกแยก ให้แตกแยกระหว่างสามีภรรยา ระหว่างพ่อแม่ แต่ตรงนี้ พระองค์กำลังสอนเราว่า เป็นการง่ายที่คนจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขอย่างมีสันติภาพ แต่ถ้าความสงบสุขตั้งอยู่บนพื้นฐานของความชั่ว ความไม่ถูกต้อง ความสงบสุขนั้นไม่ใช่ความสงบสุขที่แท้จริง มันคือระเบิดเวลา
หากข้าพเจ้านำสุนัขไปเผาจนเหลือแต่ขี้เถ้า แล้วผสมน้ำ จะขุ่นหรือไม่? แน่นอน คงจะขุ่น และคงจะไม่มีใครกล้าดื่ม แต่หากข้าพเจ้าตั้งไว้สัก 2 อาทิตย์ ข้างบนก็ใส เพราะขี้เถ้าตกตะกอน คุณจะกล้ากินหรือไม่? คงจะไม่กล้า เพราะเรารู้ว่าขี้เถ้าสุนัขยังอยู่ข้างล่าง
พระเยซูกำลังตรัสเช่นเดียวกัน น้ำใส ๆ คือสันติสุขของโลก ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ข้างล่างเป็นความชั่วความบาป นี่ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง มันกำลังนำมนุษย์สู่การพิพากษา ดังนั้นต้องเอาขี้เถ้าออก เพื่อให้เกิดสันติสุขที่แท้จริง
เป็นการง่ายที่เราจะอยู่ในสังคมอย่างสงบสุข เพียงแค่ยอมตามรัฐบาลตลอด แม้นโยบายของรัฐบาลจะขัดต่อหลักการของพระคัมภีร์ หรือในกรณีของการทำงาน ปกติข้าราชการเลิกงาน 1630 น. แต่ถ้าเราเป็นคริสเตียนคนเดียว แล้ววันหนึ่ง ทุกคนในแผนกตกลงกันที่จะเลิกงานก่อนเวลา และปิดสำนักงาน ถ้าเราจะทำให้เกิดความสงบสุข ก็แค่ยอมตาม กลับกับพวกเขา เพื่อความสงบสุข ถ้าทำเช่นนั้น ก็จะไม่มีเรื่องวุ่นวาย แต่นั้นเป็นความสงบสุขท่ามกลางความชั่ว
แต่ถ้าเราจะเป็นคริสเตียนจริง จะต้องเกิดการแตกแยกแบ่งชัด เพราะพวกเราเป็นความสว่าง พวกเขาเป็นความมืด เราจะเข้าใจสิ่งที่พระองค์บอก พระองค์ไม่ได้ทำให้เกิดสันติภาพ แต่นำให้เกิดการแตกแย่ก เพื่อนำไปสู่สันติสุขที่แท้จริง
คนเชื่อในพระคริสต์ที่แท้จริง จะต้องยืนหยัดเพื่อความจริง แม้จะนำมาสู่ความขัดแย้ง
ถ้าจะมีสันติภาพ ต้องเป็นสันติภาพบนความจริงแห่งพระเจ้า แม้อาจจะต้องชนกับพี่น้องคริสเตียนทั้งหมดที่มีความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เพื่อนำพวกเขามาสู่ความจริงที่ถูกต้อง ทองแท้ ย่อมไม่กลัวไฟ
ขอที่เรามาอยู่บนรากฐานแห่งความจริง แล้วสิ่งที่ท่านทุ่มเทจะไม่เสียเปล่าเลย
รูสเวลต์ อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวว่า
"If i must choose between righteous and peace, i choose righteous."
"ถ้าคุณจะให้ผมเลือกระหว่างการอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขกับความถูกต้อง ผมเลือกที่จะยืนหยัดในความถูกต้อง"
ผู้รับใช้พระเจ้าจะต้องเป็นเช่นนี้ สันติภาพที่แท้จริงต้องมีรากฐานบนความถูกต้อง
อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์
สรุปคำเทศนาฟื้นฟู คริสตจักรโมทนา ลำปาง
เมื่อวันที่ 28-29/06/2009
จาก http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html
หมายเหตุ:
- ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ
- สามารถฟังบันทึกคำเทศนาได้ที่นี่ครับ http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น