วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

พื้นฐานของความจริง ตอนที่ 1 (6)

หลักความเชื่อที่ถูกต้อง

ขอ​ทรง​แยก​พวก​เขา​ให้​บริ​สุทธิ์​ด้วย​ความ​จริง พระ​วจนะ​ของ​พระ​องค์​เป็น​ความ​จริง (ยอห์น 17:17 THSV2011)

ถ้าคุณจะเชื่อ ต้องเชื่อในความจริง

พระเจ้าให้สติปัญญากับพวกนักปรัชญากรีกในด้านการตรวจสอบความจริง สิ่งที่พวกเขาคิด สอดคล้องกับหลักการพระคัมภีร์

แม้แต่พระเยซู ก็ใช้หลักเช่นเดียวกัน ถ้าหากไม่ใช่ตามหลักการนี้ อย่าเชื่อ อย่าสอน อย่าพูด เก็บเป็นความสุขส่วนตัว แต่ถ้าตามหลักการนี้ เชื่อ สอน พูดได้อย่างเต็มปาก

มนุษย์เราควรแสวงหาความจริง วิธีแสวงหาความจริง คือ เมื่อได้รับข้อมูล หรือมีคนบอกข้อมูลให้กับคุณ อย่าเพิ่งบอกว่าเชื่อ หรือไม่เชื่อ หรือไม่รู้ หรือไม่สนใจ เพราะเชื่อเลยก็โง่ ไม่เชื่อก็โง่ ไม่รู้ก็โง่เพราะไม่พัฒนาสมอง ถ้าไม่สนใจก็ยิ่งแย่ สมองมนุษย์ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ เพื่อแสวงหาความจริง

แต่เมื่อรับรู้ข้อมูล จะต้องถามกลับว่า "ทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าสิ่งที่พูดเป็นความจริง?" ซึ่งต้องอาศัยทั้งข้อมูลภายในและข้อมูลภายนอก

ข้อมูลภายใน คือเจ้าตัวบอกเอง แต่ข้อมูลภายในเชื่อถือยังไม่ได้ จะต้องมีเหตุผลภายนอกเข้ามาสนับสนุน

เช่น ถ้าบอกว่าคนหนึ่ง จบ ป. 6 จากโรงเรียนแห่งหนึ่ง จะเชื่อได้อย่างไร? ก็อาจจะถามพ่อแม่ หรือเพื่อน

เวลาอาจารย์สอนเกี่ยวกับการอัศจรรย์ ถ้าหากนักเรียนถามว่า "จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นความจริง?" ถ้าหากครูโกรธ ก็จะเป็นการสอนให้นักเรียนโง่ แต่หลักความจริงในพระคัมภีร์สามารถอธิบายได้ทั้งสิ้น นี่แหละคือหลักความจริง ถ้าหากจะเชื่อต้องเชื่อในความจริง ต้องมีข้อมูลภายใน และเหตุผลภายนอกสนับสนุน

พระเยซูคริสต์ก็ใช้หลักการนี้เช่นเดียวกัน

31 ถ้า​เรา​เป็น​พยาน​ให้​แก่​ตัว​เรา​เอง คำ​พยาน​ของ​เรา​ก็​ไม่​จริง
32 มี​อีก​ผู้​หนึ่ง​ที่​เป็น​พยาน​ให้​แก่​เรา และ​เรา​รู้​ว่า​คำ​พยาน​ที่​พระ​องค์​ทรง​ให้​แก่​เรา​นั้น​เป็น​ความ​จริง
33 พวก​ท่าน​ใช้​คน​ไป​หา​ยอห์น และ​ยอห์น​ก็​เป็น​พยาน​ถึง​ความ​จริง
34 เรา​ไม่​ต้อง​รับ​คำ​พยาน​จาก​มนุษย์ การ​ที่​เรา​กล่าว​สิ่ง​เหล่า​นี้​ก็​เพื่อ​ให้​พวก​ท่าน​รอด (ยอห์น 5:31-34 THSV2011)

พระองค์ไม่ได้สอนให้คริสเตียนโง่ พระองค์มอบเหตุผลภายในและภายนอกสนับสนุน

แต่น่าเศร้า คำสอนเทียมเท็จเข้ามามากมาย เมื่อใครมีประสบการณ์อะไรพิเศษ เช่น พระเจ้าตรัสอะไรกับเขาเป็นพิเศษ หรือพระเจ้าสำแดงให้เขาเห็นประสบการณ์พิเศษ หรือพระเจ้าพาไปยังสวรรค์ เมื่อคนได้ฟังก็เชื่อทันที ไม่มีการพิสูจน์ ไม่อยู่บนหลักการเช่นนี้

พระเยซูเป็นพระเจ้า เราจะเชื่อได้ก็จะต้องมีเหตุผลในการอธิบาย ถ้าไม่มีเหตุผลก็เป็นความเชื่อแบบโง่เขลา

ถ้าเราจะเชื่อ ต้องเชื่อในหลักความจริง มีข้อมูลภายใน และมีเหตุผลภายนอก ดังนี้แหละ คริสเตียนจะไม่เพี้ยน และเมื่อเราเชื่อในสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่เราทำจะไม่สูญเปล่าเลย

ความจริง คือเหตุผลที่สมเหตุผลที่สอดคลองกับขีดความสามารถในการเข้าใจความจริงของมนุษย์ทั่วโลก ไม่ใช่ความเชื่อส่วนบุคคล ความจริงมีความเป็นสากล สยบความคิดของมนุษย์ได้ทั่วโลก เช่น 2+2 = 4 คนทั่วโลก ย่อมตอบเช่นเดียวกัน

ถ้าเราจะเชื่อในศาสนาใด ศาสนานั้นจะต้องเป็นความจริง เหตุผลภายนอกที่สนับสนุนจะต้องสมเหตุสมผล เถียงไม่ได้เลย ถ้าเถียงได้ก็ไม่ใช่ความจริง แต่ต้องดูคนเถียงด้วย ว่าเถียงเพื่อเอาชนะ หรือเถียงแบบมีเหตุผล

นักปรัชญากรีกแบ่งศาสนาเป็น 3 ระดับ ต่ำ กลาง สูง

  • ศาสนาระดับต่ำ ไม่น่าจะเรียกว่าศาสนา เพราะมีแต่ข้อมูลภายใน แต่ไม่มีเหตุผลภายนอก นี่ควรจะเรียกว่าเป็นลัทธิความเชื่อ ไม่มีหลักศีลธรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นความเชื่อแบบงมงาย เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ความเชื่อของคริสเตียนเป็นเช่นนี้หรือไม่? ไม่ใช่เลย
  • ศาสนาระดับกลาง มีหลักศีลธรรม มีหลักข้อเชื่อ ดังเช่นที่หลายคนมักจะบอกว่า "ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี" เพราะทุกศาสนาก็มีหลักปฏิบัติ มีศีลธรรมพื้นฐานสอดคล้องกัน ศาสนาเหล่านี้มีเหตุผล แต่ไม่สมเหตุสมผล
  • ศาสนาระดับสูง ถ้าเรายึดมั่นว่าสิ่งที่เราเชื่อเป็นความจริง เราต้องมีเหตุผลที่สมเหตุสมผลสนับสนุน

 

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์

สรุปคำเทศนาฟื้นฟู คริสตจักรโมทนา ลำปาง

เมื่อวันที่ 28-29/06/2009

จาก http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

 

หมายเหตุ:

  • ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ
  • สามารถฟังบันทึกคำเทศนาได้ที่นี่ครับ  http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น