วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การคืนพระชนม์ของพระคริสต์ (8/8)

3. What Is The Resurrection Body? (2)

ชีวิตฝ่ายร่างกายมาก่อน ชีวิตฝ่ายวิญญาณมาทีหลัง อาจารย์เปาโลได้กล่าวลำดับเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องรู้และเข้าใจ
เราอยู่ในโลกนี้ เราสืบเชื้อสายมาจากอาดัม เราจึงต้องตาย และเรามีความหวังเดียว คือ การที่เราติดตามพระเยซูคริสต์ เพื่อเราจะได้รับการชุบชีวิตขึ้นมาเป็นชาวสวรรค์เช่นเดียวกับพระองค์
ร่างกายนี้เราเข้าแผ่นดินของพระองค์ไม่ได้ อาจารย์เปาโลก็ได้กล่าวอีกครั้งหนึ่ง ให้เราให้ความสนใจ นี่คือความลึกลับ ว่าเราบางคนอาจจะไม่ตาย แต่เราทุกคนจะได้รับการเปลี่ยนใหม่ เพราะเมื่อพระองค์เสด็จกลับมา บางคนก็ยังมีชีวิต ซึ่งเหตุการณ์จะเกิดเร็วขึ้นมาก และพระองค์จะมาด้วยเสียงแตรแห่งชัยชนะ ซึ่งจะทำให้คนที่หลับอยู่ตื่นขึ้นมา มีชัยชนะเหนือความตาย และจะฟื้นขึ้นมาด้วยกายฝ่ายวิญญาณ นั่นคือคำตอบสำหรับคำถามว่าคนจะฟื้นจากความตายได้อย่างไร และรูปร่างเช่นไร
พระเจ้าทรงประทานชัยชนะแก่เรา ผ่านทางพระเยซูคริสต์
สิ่งที่เราต้องทำ คือ
  • ยึดมั่นในความเชื่อเรื่องการคืนพระชนม์ของพระองค์
  • เชื่อฟังพระองค์ทั้งสิ้น
  • รับใช้พระองค์ ซึ่งการรับใช้ของเราจะไม่ไร้ค่า
 

ขอที่เราจะคิดใคร่ครวญ

  1. การที่เราเป็นคริสเตียน เราได้พึ่งพาการคืนพระชนม์ของพระคริสต์อย่างไร? เมื่อเรารู้ความจริงเรื่องการคืนพระชนม์ ได้รู้ความหวัง รู้ว่าร่างกายจะเป็นเช่นไรแล้ว แล้วเราจะพึ่งพาพระองค์อย่างไร?
  2. เรามั่นใจหรือไม่ ที่จะบอกคนอื่น เกี่ยวกับความจริงเรื่องการคืนพระชนม์ของพระองค์? บางครั้ง เมื่อมีคนถาม เราอาจจะตอบไม่ได้ จากข้อมูลเหล่านี้และข้อมูลจากอาจารย์เปาโล ข้าพเจ้าอยากให้เราเข้าใจ นำไปคุยกับคนอื่นถึงสิ่งเหล่านี้ เพื่อนำเขามาเชื่อสิ่งเหล่านี้
  3. การที่เรารู้ข้อมูลเหล่านี้แล้วเราจะทำอย่างไร เพื่อที่จะทำลายอำนาจของบาป? เพราะเราเข้าใจแล้วว่า ความบาปนำไปสู่ความตาย และมีทางเดียวที่จะทำลายวงจรนี้ได้ คือการฟื้นชีพจากความตาย โดยองค์พระเยซูคริสต์เจ้า

อ. Howard Tsang
ล่ามโดย Nattakorn Vuttichaipornkul
คำแบ่งปันรายการเพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง
เมื่อวันที่ 03/07/2011
เรื่อง The Resurrection of Christ
 
หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การคืนพระชนม์ของพระคริสต์ (7/8)

3. What Is The Resurrection Body? (1)


36 โอ คน​เขลา สิ่ง​ที่​ท่าน​หว่าน​นั้น ถ้า​ไม่​ตาย​ก่อน​ก็​จะ​ไม่​งอกขึ้น​ใหม่
37 สิ่ง​ที่​ท่าน​หว่าน​นั้น จะ​เป็น​ข้าว​สาลี​หรือ​พืช​อื่นๆ ก็​ดี ท่าน​ไม่​ได้​หว่าน​รูป​ร่าง​ของ​ต้น​ที่​จะ​งอก​ขึ้น​มา​นั้น แต่​หว่าน​เมล็ด​เปล่าๆ
38 พระ​เจ้า​ประ​ทาน​รูป​ร่าง​แก่​เมล็ด​นั้น​ตาม​ที่​พระ​องค์​ทรง​ประสงค์ และ​ประ​ทาน​รูป​ร่าง​ของ​มัน​เอง​แก่​เมล็ด​แต่​ละ​ชนิด
39 เนื้อ​นั้น​ไม่​เหมือน​กัน​ทั้ง​หมด เนื้อ​มนุษย์​ก็​อย่าง​หนึ่ง เนื้อ​สัตว์​ก็​อย่าง​หนึ่ง เนื้อ​นก​ก็​อย่าง​หนึ่ง เนื้อ​ปลา​ก็​อย่าง​หนึ่ง
40 ร่าง​กาย​สำ​หรับ​สวรรค์​ก็​มี และ​ร่าง​กาย​สำ​หรับ​โลก​ก็​มี แต่​ว่า​รัศมี​ของ​ร่าง​กาย​สำ​หรับ​สวรรค์​ก็​อย่าง​หนึ่ง และ​รัศมี​ของ​ร่าง​กาย​สำ​หรับ​โลก​ก็​อีกอย่าง​หนึ่ง
41 รัศมี​ของ​ดวง​อา​ทิตย์​ก็​อย่าง​หนึ่ง รัศมี​ของ​ดวง​จันทร์​ก็​อย่าง​หนึ่ง รัศมี​ของ​ดวง​ดาว​ก็​อย่าง​หนึ่ง ที่​จริง​รัศมี​ของ​ดาว​ดวง​หนึ่ง​ก็​ต่าง​กัน​กับ​รัศมี​ของ​ดาว​ดวง​อื่นๆ
42 การ​เป็น​ขึ้น​มา​ของ​คน​ตาย​ก็​เหมือน​กัน ร่าง​กาย​ที่​ถูก​หว่าน​ลง​นั้น​เสื่อม​สลาย​ได้ ร่าง​กาย​ที่​เป็น​ขึ้น​มา​นั้น​ไม่​เสื่อม​สลาย
43 สิ่ง​ที่​ถูก​หว่าน​ลง​นั้น​ไร้​เกียรติ สิ่ง​ที่​เป็น​ขึ้น​มา​นั้น​มี​ศักดิ์​ศรี สิ่ง​ที่​ถูก​หว่าน​ลง​นั้น​อ่อน​กำ​ลัง สิ่ง​ที่​เป็น​ขึ้น​มา​นั้น​มี​พลัง
44 สิ่ง​ที่​ถูก​หว่าน​ลง​นั้น​เป็น​กาย​เนื้อ​หนัง สิ่ง​ที่​เป็น​ขึ้น​มา​นั้น​เป็น​กาย​จิต​วิญ​ญาณ ถ้า​มี​กาย​เนื้อ​หนัง กาย​จิต​วิญ​ญาณ​ก็​มี​ด้วย
45 ดัง​ที่​เขียน​ไว้​ว่า "มนุษย์  คน​แรก​คือ​อา​ดัม จึง​เป็น​ผู้​มี​ชีวิต" แต่​อา​ดัม​สุดท้าย​นั้น​เป็น​วิญ​ญาณ​ผู้​ประ​ทาน​ชีวิต
46 ร่าง​กาย​แรก​นั้น​ไม่​ใช่​เป็น​กาย​จิต​วิญ​ญาณ แต่​เป็น​กาย​เนื้อ​หนัง ร่าง​กาย​ต่อ​จาก​นั้น​จึง​เป็น​กาย​จิต​วิญ​ญาณ
47 มนุษย์​คน​แรก​นั้น​มา​จาก​ดิน​และ​เป็น​มนุษย์​ดิน มนุษย์​คน​ที่​สอง​นั้น​มา​จาก​สวรรค์
48 มนุษย์​ดิน​คน​นั้น​เป็น​อย่าง​ไร มนุษย์​ดิน​ทั้ง​หลาย​ก็​เป็น​อย่าง​นั้น มนุษย์​สวรรค์​คน​นั้น​เป็น​อย่าง​ไร มนุษย์​สวรรค์​ทั้ง​หลาย​ก็​เป็น​อย่าง​นั้น
49 และ​เช่น​เดียว​กับ​ที่​เรา​มี​ลักษณะ​ของ​มนุษย์​ดิน เรา​ก็​จะ​มี​ลักษณะ​ของ​มนุษย์​สวรรค์
50 พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย ข้าพ​เจ้า​หมาย​ความ​ว่า เนื้อ​และ​เลือด​ไม่​สา​มารถ​มี​ส่วน​ใน​อา​ณา​จักร​ของ​พระ​เจ้า และ​สิ่ง​ที่​เสื่อม​สลาย​ไม่​มี​ส่วน​ใน​สิ่ง​ที่​ไม่​เสื่อม​สลาย
51 นี่​แน่ะ ข้าพ​เจ้า​มี​ความ​ล้ำ​ลึก​ที่​จะ​บอก​กับ​พวก​ท่าน คือ​เรา​จะ​ไม่​ล่วง​หลับ​หมด​ทุก​คน แต่​จะ​ถูก​เปลี่ยน​ใหม่​ทุก​คน
52 ใน​ชั่ว​ขณะ​เดียว ใน​พริบ​ตา​เดียว เมื่อ​เป่า​แตร​ครั้ง​สุด​ท้าย เพราะ​ว่า​จะ​มี​การ​เป่า​แตร และ​พวก​ที่​ตาย​แล้ว​จะ​ถูก​ทำ​ให้​เป็น​ขึ้น​โดย​ปราศ​จาก​ความ​เสื่อม​สลาย แล้ว​เรา​จะ​ถูก​เปลี่ยน​ใหม่
53 เพราะ​ว่า​สิ่ง​ที่​เสื่อม​สลาย​ได้​นี้​ต้อง​สวม​ด้วย​สิ่ง​ที่​เสื่อม​สลาย​ไม่​ได้ และ​สภาพ​ที่​ต้อง​ตาย​นี้​ต้อง​สวม​ด้วย​สภาพ​ที่​ไม่​ตาย
54 เมื่อ​สิ่ง​ที่​เสื่อม​สลาย​ได้​นี้​สวม​ด้วย​สิ่ง​ที่​เสื่อม​สลาย​ไม่​ได้​และ​สภาพ​ที่​ต้อง​ตาย​นี้​สวม​ด้วย​สภาพ​ที่​ไม่​ตาย เมื่อ​นั้น​พระ​วจนะ​ที่​เขียน​ไว้​จะ​สำเร็จว่า "ความ​ตาย​ก็​ถูก​กลืน​เข้า​ใน​ชัย​ชนะ​แล้ว
55 โอ ความ​ตาย ชัย​ชนะ​ของ​เจ้า​อยู่​ที่​ไหน?  โอ ความ​ตาย เหล็ก​ใน​ของ​เจ้า​อยู่​ที่​ไหน?"
56 เหล็ก​ใน​ของ​ความ​ตาย​นั้น​คือ​บาป และ​อำ​นาจ​ของ​บาป​คือ​ธรรม​บัญ​ญัติ
57 สาธุ​การ​แด่​พระ​เจ้า ผู้​ประ​ทาน​ชัย​ชนะ​แก่​เรา โดย​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา
58 ฉะนั้น​พี่​น้อง​ที่​รัก​ของ​ข้าพ​เจ้า จง​มั่นคง​อยู่ อย่า​หวั่น​ไหว จง​ทำ​งาน​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ให้​บริ​บูรณ์​ทุก​เวลา ท่าน​ทั้ง​หลาย​พึง​รู้​ว่า ใน​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า การ​ตราก​ตรำ​ของ​ท่าน​จะ​ไม่​ไร้​ประ​โยชน์ (1 โครินธ์ 15:36-58 THSV2011)

สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าหากยังไม่ตาย
เมื่อเราปลูกพืชด้วยเมล็ดพืช เมล็ดพืชจะเติบโตเป็นต้นไม้ และเมล็ดก็จะต้องเปื่อยเน่า ตายไป ผ่านทางกระบวนการต่าง ๆ จนกลายเป็นต้นไม้ นี่คือตัวอย่างที่ดีที่อาจารย์เปาโลให้กับเรา
พระเจ้าทรงสร้างร่างกายกับเราต่างจากสัตว์ชนิดอื่น ๆ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวต่าง ๆ ก็มีลักษณะที่แตกต่างกัน และเช่นกัน ร่างกายในโลกนี้ กับร่างกายสวรรค์ก็จะไม่เหมือนกัน
เมื่อเราได้รับการชุบชีวิต เราก็จะได้รับการเปลี่ยนแปลง เหมือนกับเมล็ดที่หว่านลงไป เมล็ดพืชก็จะเน่าไป แต่หลังจากนั้น ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ไม่เสื่อมสลายอีกเลย
กายนี้ที่ไม่มีศักดิ์ศรี เมื่อตายไปก็ไม่มีศักดิ์ศรี แต่ก็จะฟื้นมาด้วยสง่าราศี
กายนี้ที่อ่อนแอ แต่เมื่อฟื้นขึ้นมา เราก็จะมีพลังอำนาจ เป็นพลังเหนือความบาปและความตาย
เมื่อเราหว่านร่างกายนี้ เราจะฟื้นขึ้นมาด้วยกายวิญญาณ
อีกตัวอย่างหนึ่ง คือ อาดัม เป็นมนุษย์ที่ตาย แต่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นอาดัมสุดท้าย ที่ประทานชีวิตฝ่ายวิญญาณกับเรา
 
อ. Howard Tsang
ล่ามโดย Nattakorn Vuttichaipornkul
คำแบ่งปันรายการเพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง
เมื่อวันที่ 03/07/2011
เรื่อง The Resurrection of Christ
 
หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การคืนพระชนม์ของพระคริสต์ (6/8)

2. Will The Dead Be Resurrected? (2)

พระเจ้าได้ให้เครดิตแก่พระคริสต์ให้ควบคุมทุกอย่าง ทุกอย่างอยู่ใต้พระองค์ แต่ไม่ได้รวมถึงพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงอยู่เหนือทุกอย่าง แต่นอกจากพระเจ้าแล้ว ทุกสิ่งล้วนอยู่ใต้พระเยซูคริสต์ พระองค์ที่เราเชื่อวางใจ
แล้วคนที่ตายแล้วจะฟื้นขึ้นหรือไม่? อาจารย์เปาโลกล่าวว่า "ถ้าไม่มีการคืนชีพ และคนที่ตายแล้วไม่ฟื้นขึ้นมา" ที่ใช้คำว่า "ถ้า" เพราะขณะเมื่ออาจารย์เปาโลเขียนอยู่ ดูเหมือนว่าคริสเตียนบางคนในคริสตจักรในโครินธ์ ได้มีการทำบัพติสมาให้แก่คนที่ตายไปแล้ว ซึ่งคนที่ตายนั้นอาจเป็นเพื่อน หรือคนในครอบครัว และอาจเป็นคนที่เชื่อหรือไม่ก็ตาม อาจารย์เปาโลก็เหมือนกับพูดเปรียบเปรยด้วยคำถามนี้ ว่าถ้าหากไม่เชื่อว่ามีการฟื้นชีพ ทำไมต้องทำเช่นนี้ แต่อาจารย์เปาโลไม่ได้พยายามแนะนำให้ทำการบัพติสมาสำหรับคนตาย
คนอย่างอาจารย์เปาโล ก็เสี่ยงชีวิตทุกวันเพราะเป็นคริสเตียน ถ้าไม่มีความหวังเรื่องการฟื้นคืนชีพ ทำไมท่านจึงไม่ดื่มรื่นเริงไปวัน ๆ? ซึ่งก็ไม่ต่างกับบางคนในสมัยนี้ เพราะเขาไม่เข้าใจในเรื่องการคืนชีพ หรืออาจไม่เคยได้ยินข่าวประเสริฐ เลยไม่มีความหวัง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องเข้าใจถึงการคืนชีพหลังจากความตาย
อาจารย์เปาโลแนะนำอย่า "อย่าหลงไป" โครินธ์เป็นเมืองใหญ่เหมือน กทม. หลายสิ่งก็แย่ลง ถ้าเราอยู่กับคนไม่ดี เราจะได้รับผลกระทบ ได้รับอิทธิพลจากเขา อาจารย์เปาโลได้กล่าวอย่างชัดเจน และสอนเรา ให้หยุดความบาป ถ้ารู้สึกแย่กับสิ่งเหล่านั้น ถ้าหากเชื่อในพระเจ้า ก็ขอที่จะทำตามที่อาจารย์เปาโลสอน
มีคนถามว่า "คนที่ตายไปแล้วจะฟื้นมาได้อย่างไร? แล้วจะมีรูปร่างลักษณะใด?" อาจารย์เปาโลก็อุทานว่า "โอ คนเขลา" เรารู้ว่าเรามีความหวังว่าพระองค์ฟื้นคืนชีพ และผู้ที่ตายไปแล้วก็จะฟื้นขึ้นมาจริง ๆ และอาจารย์เปาโลก็จะอธิบายต่อถึงว่ากายที่ฟื้นขึ้นมาแล้วเป็นเช่นไร

อ. Howard Tsang
ล่ามโดย Nattakorn Vuttichaipornkul
คำแบ่งปันรายการเพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง
เมื่อวันที่ 03/07/2011
เรื่อง The Resurrection of Christ
 
หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การคืนพระชนม์ของพระคริสต์ (5/8)

2. Will The Dead Be Resurrected? (1)


21 เพราะว่าในเมื่อความตายเกิดขึ้นโดยมนุษย์คนหนึ่ง การเป็นขึ้นจากความตายก็เกิดขึ้นโดยมนุษย์คนหนึ่งเช่นกัน
22 เพราะว่า เช่นเดียวกับที่ทุกคนต้องตายโดยเกี่ยวเนื่องกับอาดัม ทุกคนก็จะได้รับชีวิตโดยเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์
23 แต่ว่าจะเป็นไปตามลำดับ คือพระคริสต์ทรงเป็นผลแรก ต่อจากนั้นก็คือคนทั้งหลายที่เป็นของพระคริสต์ในเวลาที่พระองค์เสด็จกลับมา
24 แล้วก็จะเป็นเวลาอวสานซึ่งพระคริสต์จะทรงมอบอาณาจักรแด่พระเจ้าพระบิดา และจะทรงทำลายภูตผีที่ครอบครองทั้งหมด ภูติผีที่มีสิทธิอำนาจและที่มีฤทธานุภาพ
25 เพราะว่าพระคริสต์ทรงต้องครอบครองจนกว่าพระเจ้าจะทรง ปราบศัตรูทั้งหมดให้อยู่ใต้พระบาทของพระคริสต์
26 ศัตรูตัวสุดท้ายที่จะถูกทำลายคือความตาย
27 เพราะว่า พระเจ้าทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจภายใต้พระบาทของพระบุตร (ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ของพระองค์) แต่เมื่อพระคัมภีร์กล่าวว่าทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจนั้น ก็รู้ชัดกันอยู่แล้วว่า ยกเว้นพระเจ้าผู้ทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจพระองค์
28 เมื่อทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจพระองค์แล้ว เมื่อนั้นพระบุตรพระองค์เองก็จะทรงอยู่ใต้อำนาจพระเจ้า ผู้ทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจพระองค์ เพื่อพระเจ้าจะทรงเป็นเอก(ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ทรงเป็นทุกสิ่ง) ในทุกสิ่ง
29 มิฉะนั้น พวกที่ให้รับบัพติศมาเพื่อคนตายนั้นจะทำอย่างไร ถ้าคนตายไม่ถูกทำให้เป็นขึ้นมาเลย? และทำไมจึงมีการให้รับบัพติศมาเพื่อคนตาย?
30 และทำไมเราจึงเสี่ยงอันตรายตลอดเวลา?(ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ทุกชั่วโมง)
31 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าตายทุกวัน ข้าพเจ้าขอยืนยันโดยความภูมิใจในพวกท่าน ที่ข้าพเจ้ามีในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
32 ถ้าข้าพเจ้าต่อสู้กับสัตว์ป่าในเมืองเอเฟซัสด้วยความหวัง แบบมนุษย์เท่านั้น(แปลได้อีกว่า ตามที่คนพูดเปรียบเทียบกัน) ข้าพเจ้าจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าคนตายไม่ถูกทำให้เป็นขึ้นมา ก็ให้เรากินและดื่มเถิด เพราะว่าพรุ่งนี้เราก็จะตาย
33 อย่าหลงผิดเลย "การคบคนชั่วย่อมทำลายนิสัยที่ดีงาม"
34 จงมีสติขึ้นมาใหม่และอย่าทำบาปอีกเลย เพราะว่ามีบางคนไม่รู้จักพระเจ้า ที่ข้าพเจ้าพูดเช่นนี้ก็เพื่อให้พวกท่านละอายใจ
35 แต่จะมีคนถามว่า "คนตายถูกทำให้เป็นขึ้นมาอย่างไร? และพวกเขาจะมาด้วยร่างกายแบบไหน?"
36 โอ คนเขลา สิ่งที่ท่านหว่านนั้น ถ้าไม่ตายก่อนก็จะไม่งอกขึ้นใหม่ (1 โครินธ์ 15:21-36 THSV2011)

ความตายเข้ามาทางมนุษย์คนหนึ่ง ก็คือ อาดัม และการฟื้นคืนชีพก็มาจากมนุษย์อีกคนหนึ่ง นั่นคือ พระเยซูคริสต์
อาดัมแรกเข้ามาในโลกนี้ แล้วตายเพราะความบาป เราก็ตายตามเขาไป แต่พระเจ้าทรงประทานบุตรของพระองค์ สิ้นพระชนม์เพื่อเรา ชำระความบาปของเรา หลังจากนั้น พระเยซูคริสต์ทรงถูกชุบขึ้นมาจากความตาย และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
สำหรับคนที่ตายก่อนหน้านั้น เขาเหมือนกับหลับอยู่
เพราะการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ คนที่ตายไปแล้วก็จะได้รับการชุบชีวิตขึ้นมา
แล้วลำดับก่อนหลังเป็นเช่นไร? พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้แรกที่จะคืนพระชนม์ และหลังจากนั้น คนที่เชื่อในพระองค์ ซึ่งเป็นคนของพระองค์ ก็จะฟื้นขึ้นมาเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมาครั้งที่สอง หลังจากนั้น พระเยซูคริสต์จะทรงทำพระราชกิจของพระองค์ให้เสร็จในโลกนี้ จะทรงครอบครองโลกนี้ ทำลายศัตรูทั้งสิ้นของพระองค์ และศัตรูตัวสุดท้าย ก็คือความตาย เราทั้งหลายจึงมีชัยชนะเหนือความตายด้วยการคืนชีพ
การคืนพระชนม์ของพระองค์ ทำให้เรามีความหวัง มิเช่นนั้นเราก็ไม่มีความหวังอะไรเลย เพราะความหวังของเรา คือการกลับไปอาศัยอยู่กับพระองค์
 
อ. Howard Tsang
ล่ามโดย Nattakorn Vuttichaipornkul
คำแบ่งปันรายการเพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง
เมื่อวันที่ 03/07/2011
เรื่อง The Resurrection of Christ
 
หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การคืนพระชนม์ของพระคริสต์ (4/8)

1. Was Jesus Christ Resurrected and Why? (3)

แล้วทำไมอาจารย์เปาโลจึงบอกว่าท่านได้เกิดมาอย่างไม่ปกติ? ก็เพราะท่านได้ข่มเหงคริสตจักร ท่านเขียนในจดหมายของท่านเลยว่า ความรอดเป็นเพราะพระคุณของพระเจ้า ไม่ใช่เพราะการทำงานหนัก
หลายคนอาจทำงานหนักมากกว่าอาจารย์เปาโล แต่ท่านถวายเกียรติแด่พระเจ้าทั้งหมด ท่านมีชีวิตอยู่และได้รับความรอดก็โดยพระคุณ
อาจารย์เปาโลได้กล่าวว่า "โดยพระคุณของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้" และท่านก็ได้ประกาศเรื่องการคืนพระชนม์ของพระองค์
ผู้คนต่างเทศนาเกี่ยวกับการคืนพระชนม์ ถ้าหากไม่มีการคืนชีพหลังจากความตายแล้ว ก็หมายความว่าพระองค์ไม่ทรงรักเรา พระองค์ไม่ต้องการพบหน้าเราอีก เราตายแล้วก็จะจบไป แล้วทำไมต้องมีการคืนพระชนม์อีกเล่า? ก็เพราะพระเจ้าอยากพบกับเรา พระองค์ต้องการให้เรากลับไปในอาณาจักรของพระองค์
แต่เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ส่วนเราเป็นคนบาป เรากลับหาพระองค์ไม่ได้ นี่จึงเป็นเหตุที่พระองค์ทรงประทานพระเยซูคริสต์ สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อเราทั้งหลายได้รับอภัยโทษบาป และจะทำเช่นนั้นได้ พระองค์จำเป็นต้องทำให้พระเยซูคริสต์ทรงคืนพระชนม์เป็นคนแรกก่อน
ถ้านี่ไม่จริง เรื่องเหล่านี้ก็ไร้จุดหมาย ไร้ค่า และเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์ก็ไม่จริง สิ่งนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก และเราจะต้องจำไว้เสมอ
ถ้าพระเจ้าไม่ได้ชุบชีวิตพระคริสต์ขึ้นมา คนอื่น ๆ ที่ตายไปแล้ว ก็จะไม่ฟื้นขึ้นมา เราก็จะกลายเป็นคนบาปเหมือนเดิม คนที่ล่วงหลับไป ก็สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง (การที่หลับอยู่หมายถึงความตาย)
แล้วอะไรเกิดขึ้นกับคนเหล่านั้นที่ตายไป? อาจารย์เปาโลก็ได้ให้เงื่อนงำแก่เรา ถ้าหากไม่มีการชุบชีวิตขึ้นมา คนที่ตายแล้วก็จะหายไป เราก็จะมีความหวังในพระคริสต์เฉพาะในชีวิตนี้เท่านั้น และก็เป็นเรื่องที่น่าสงสารมากกว่าคนอื่น ๆ เสียอีก
เมื่อเราเข้าใจและเชื่อเรื่องการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์แล้ว เราก็จะมีความหวังใจว่าคนที่ตายไปจะได้รับการชุบขึ้นมาอีก

อ. Howard Tsang
ล่ามโดย Nattakorn Vuttichaipornkul
คำแบ่งปันรายการเพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง
เมื่อวันที่ 03/07/2011
เรื่อง The Resurrection of Christ
 
หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การคืนพระชนม์ของพระคริสต์ (3/8)

1. Was Jesus Christ Resurrected and Why? (2)

มุมมองหลาย ๆ มุมมองที่น่าสนใจ ที่ยืนยันถึงการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์
  1. พระองค์ทรงถูกฆ่าโดยการตรึงบนไม้กางเขน ซึ่งเป็นการประหารชีวิตที่โหดร้ายที่สุด ขอที่เราจะจินตนาการ หากสิ่งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริง ความจริงนี้คงจะหายไปแล้ว 2,000 กว่าปีแล้ว แต่ที่ผ่านมา หลักฐานทุกอย่าง ไม่มีสิ่งใดเลยที่สามารถบอกว่าไม่จริง
  2. สาวกของพระองค์เชื่อว่าพระองค์ทรงฟื้นคืนพระชนม์จริง ๆ เพราะเขาเห็นจริง ๆ บางคนถึงกับตายเพราะความเชื่อนั้น ซึ่งก็เหมือนกับพี่น้องคริสเตียนในประเทศแถบตะวันออกกลางที่ต้องตายเพราะความเชื่อ และเรื่องราวที่เกิดขึ้นถูกเขียนในพระคัมภีร์ใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาไม่กี่สิบปีหลังจากเหตุการณ์ โดยเขียนขึ้นในช่วงประมาณ ค.ศ. 50-60 นั่นคือประมาณ 20-30 ปีหลังจากที่พระพระเยซูคริสต์ทรงถูกตรึงที่ไม้กางเขน ซึ่งถ้าหากเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริง ก็คงจะมีคนที่คัดค้าน แต่ผู้คนต่างยึดถือข้อมูลนี้ ซึ่งความจริงเท่านั้นที่จะอยู่ได้นานเพียงนี้
  3. ชีวิตของอาจารย์เปาโลที่ได้รับการเปลี่ยนแปลง อาจารย์เปาโล ซึ่งเดิมชื่อเซาโล เป็นคนหนึ่งที่ตามไล่ล่าคริสเตียน และทำร้ายคริสเตียน เป็นศัตรูของพระคริสต์ แต่ตัวท่านเองได้พบพระเยซูคริสต์หลังจากที่พระองค์ทรงคืนพระชนม์ และชีวิตของท่านได้รับการเปลี่ยนแปลงหลังจากนั้น ไม่ใช่แค่เพื่อนของพระองค์เท่านั้น ที่ยืนยันถึงการคืนพระชนม์ของพระองค์ แม้แต่ศัตรูของพระองค์ก็ยังยืนยันด้วย ซึ่งไม่เกี่ยวกับความรักใคร่ แต่เป็นความจริง
  4. การเปลี่ยนแปลงของยากอบ ซึ่งเป็นน้องต่างมารดาของพระเยซู ซึ่งในช่วงเวลาที่พระองค์ทรงอยู่ ยากอบไม่เชื่อที่พระองค์ตรัสว่าทรงเป็นบุตรองพระเจ้า แต่หลังจากการคืนพระชนม์ของพระองค์ ท่านได้พบกับพระเยซูคริสต์ และได้เป็นผู้นำคริสตจักรในเยรูซาเล็มในเวลาต่อมา
การคืนพระชนม์เกิดขึ้นจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องตลก ไม่ใช่สิ่งที่คนบางคนสร้างขึ้น แต่เป็นความจริง
อ. Howard Tsang
ล่ามโดย Nattakorn Vuttichaipornkul
คำแบ่งปันรายการเพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง
เมื่อวันที่ 03/07/2011
เรื่อง The Resurrection of Christ
 
หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การคืนพระชนม์ของพระคริสต์ (2/8)

1. Was Jesus Christ Resurrected and Why? (1)


1 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอให้คำนึงถึงข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าเคยประกาศแก่ท่านทั้งหลายนั้น พวกท่านได้รับไว้และได้ตั้งมั่นอยู่บนนั้นแล้ว
2 และท่านจะได้รับความรอดโดยข่าวประเสริฐนั้นถ้าพวกท่านยังยึดมั่นในคำที่ข้าพเจ้าประกาศนั้น นอกจากว่าท่านเชื่อแบบไร้ผล
3 เพราะว่าข้าพเจ้าได้มอบเรื่องสำคัญที่สุดที่ได้รับมานั้น แก่พวกท่านคือพระคริสต์วายพระชนม์เพราะบาปของเรา ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์
4 และทรงถูกฝังไว้ แล้ววันที่สามพระองค์ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมา ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์
5 พระองค์ทรงปรากฏต่อเคฟาส แล้วต่ออัครทูตสิบสองคน (ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ต่อพวกสิบสองคน)
6 ต่อจากนั้น พระองค์ทรงปรากฏต่อพี่น้องกว่าห้าร้อยคนในเวลาเดียวกัน ที่ส่วนมากยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ แต่บ้างก็ล่วงหลับไปแล้ว
7 ต่อจากนั้นพระองค์ทรงปรากฏต่อยากอบ แล้วต่ออัครทูตทั้งหมด
8 หลังสุดพระองค์ทรงปรากฏต่อข้าพเจ้า ผู้เป็นเหมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนด
9 เพราะว่าข้าพเจ้าเป็นผู้เล็กน้อยที่สุดในพวกอัครทูต และไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นอัครทูต เพราะว่าข้าพเจ้าได้ข่มเหงคริสตจักรของพระเจ้า
10 แต่โดยพระคุณของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ และพระคุณของพระองค์ที่ประทานแก่ข้าพเจ้านั้น ก็ไม่ไร้ประโยชน์ ตรงกันข้าม ข้าพเจ้าตรากตรำมากกว่าพวกเขาทั้งหมด ไม่ใช่ตัวข้าพเจ้าเองเป็นคนทำ แต่เป็นพระคุณของพระเจ้าซึ่งอยู่กับข้าพเจ้าที่ทำ
11 เพราะฉะนั้นตัวข้าพเจ้าหรือพวกเขาก็ดี เราต่างก็ประกาศเช่นนี้ และท่านทั้งหลายก็ได้เชื่อเช่นนี้
12 ถ้าเราประกาศว่าพระคริสต์ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว ทำไมบางคนในพวกท่านจึงพูดว่าการเป็นขึ้นจากความตายไม่มี?
13 ถ้าการเป็นขึ้นมาจากความตายไม่มี พระคริสต์ก็ไม่ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมา
14 ถ้าพระคริสต์ไม่ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมา การประกาศของเรานั้นก็ไร้ประโยชน์ และความเชื่อของท่านทั้งหลายก็ไร้ประโยชน์ด้วย
15 และคนก็จะเห็นว่าเราเป็นพยานเท็จในเรื่องพระเจ้า เพราะเราเป็นพยานว่าพระองค์ทรงทำให้พระคริสต์เป็นขึ้นมาแล้ว แต่ถ้าคนตายไม่ถูกทำให้เป็นขึ้นมาแล้ว พระคริสต์ก็ไม่ได้เป็นขึ้นมา
16 เพราะว่าถ้าคนตายไม่ถูกทำให้เป็นขึ้นมา พระคริสต์ก็ไม่ได้ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมา
17 และถ้าพระคริสต์ไม่ได้ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมา ความเชื่อของพวกท่านก็ไร้ประโยชน์ ท่านก็ยังคงอยู่ในบาปของตน
18 และถ้าอย่างนั้นคนทั้งหลายที่ล่วงหลับในพระคริสต์ก็พินาศไปด้วย
19 ถ้าเรามีความหวังในพระคริสต์เพียงแค่ในชีวิตนี้ เราก็เป็นพวกน่าเวทนาที่สุดของคนทั้งหมด
20 แต่บัดนี้ พระคริสต์ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว และทรงเป็นผลแรกของพวกที่ล่วงหลับไป (1โครินธ์ 15:1-20 THSV2011)

เมื่ออาจารย์เปาโลเริ่มต้นด้วยคำว่า "ดูก่อน" ก็แสดงว่าอาจารย์เปาโลกำลังเรียกร้องความสนใจของผู้อ่าน ให้มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้น
อีกคำหนึ่ง คือ "พี่น้องทั้งหลาย" ซึ่งแสดงว่าอาจารย์เปาโลเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันกับพี่น้องคริสเตียนที่เมืองนั้น
อาจารย์เปาโลกำลังบอกให้พวกเขาฟังข่าวประเสริฐที่อาจารย์เปาโลพูด มิเช่นนั้น ทุกอย่างก็สูญค่า
อาจารย์เปาโลสอนในจดหมาย กล่าวถึงพระเยซูคริสต์ ว่าพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ ถูกฝัง และคืนพระชนม์ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คนสร้างขึ้นมา แต่เป็นสิ่งที่ได้รับการทำนายล่วงหน้าไว้แล้ว ซึ่งถ้าเราดูในอิสยาห์ 53 เราจะพบการทำนายถึงเรื่องราวของพระคริสต์อย่างชัดเจน
8 ท่าน​ถูก​นำ​ตัว​ไป​ด้วย​การ​บัง​คับ​และ​การ​ตัด​สิน
และ​คน​ใน​ยุค​สมัย​ของ​ท่าน​นั้น มีใคร​เล่า​ที่​คิด​ว่า
ที่​ท่าน​ถูก​ตัด​ออก​ไป​จาก​แผ่นดิน​ของ​คน​เป็น​นั้น
ที่​ท่าน​ถูก​ตี​นั้น​เพราะ​การ​ทร​ยศ​ของ​ชน​ชาติ​ของ​ข้าพเจ้า
9 และ​เขา​จัด​หลุม​ศพ​ของ​ท่าน​ไว้​กับ​คน​อธรรม
และ​เขา​จัด​ท่าน​ไว้​กับ​เศรษฐี​ใน​ความ​ตาย​ของ​ท่าน
แม้​ว่า​ท่าน​ไม่​ได้​ทำ​การ​ทา​รุณ​ใดๆ
และ​ไม่​มี​การ​หลอก​ลวง​ใดๆ ใน​ปาก​ของ​ท่าน
10 แต่​พระ​ยาห์​เวห์​ยัง​ทรง​ประ​สงค์​ให้​ท่าน​บอบ​ช้ำ​ด้วย​การ​บาด​เจ็บ
เมื่อ​ชีวิต​ของ​ท่าน​​เป็น​เครื่อง​บูชา​ลบ​ล้าง​บาป
ท่าน​จะ​เห็น​พงศ์​พันธุ์​ของ​ท่าน ท่าน​จะ​ยืด​วัน​เวลา​ของ​ท่าน
พระ​ประ​สงค์​ของ​พระ​ยาห์​เวห์​จะ​เจริญ​ขึ้น​ใน​มือ​ของ​ท่าน
11 ภาย​หลัง​ความ​ลำ​บาก​ของ​ตัว​เขา
เขา​จะ​เห็น​และ​จะ​พึง​พอ​ใจ
โดย​ความ​รู้​ของ​เขา ผู้​รับ​ใช้​ชอบ​ธรรม​ของ​เรา
จะ​ทำ​ให้​คน​จำนวน​มาก​เป็น​คน​ชอบ​ธรรม
และ​เขา​จะ​แบก​ความ​บาป​ผิด​ทั้ง​หลาย​ของ​พวก​เขา
12 เพราะ​ฉะนั้น​เรา​จะ​แบ่ง​ส่วน​หนึ่ง​แก่​เขา​เช่น​เดียว​กับ​คน​ใหญ่​โต
และ​เขา​จะ​แบ่ง​ของ​ริบ​กับ​พวก​ผู้​ยิ่ง​ใหญ่
เพราะ​เขา​เท​ตัว​ของ​เขา​ลง​ถึง​ความ​มร​ณะ
และ​ถูก​นับ​เข้า​กับ​พวก​คน​ทร​ยศ
เขา​เอง​แบก​บาป​ของ​คน​จำนวน​มาก
และ​เขา​อ้อน​วอน​เพื่อ​พวก​คน​ทร​ยศ (อิสยาห์ 53:8-12 THSV2011)
และสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากพระองค์ทรงคืนพระชนม์ พระองค์ทรงพบคนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเปโตร สาวก 12 คน และพี่น้องคริสเตียน 500 กว่าคน รวมถึงยากอบ ซึ่งเป็นน้องชายต่างมารดาของพระเยซู และอาจารย์เปาโลด้วย ซึ่งท่านเรียกตัวเองว่า เป็นคนที่เกิดมาอย่างไม่ปกติ ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลก
 
อ. Howard Tsang
ล่ามโดย Nattakorn Vuttichaipornkul
คำแบ่งปันรายการเพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง
เมื่อวันที่ 03/07/2011
เรื่อง The Resurrection of Christ
 
หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การคืนพระชนม์ของพระคริสต์ (1/8)

The Resurrection of Christ: Mystery and Victory

พระธรรม 1 โครินธ์ บทที่ 15 ประกอบไปด้วยเนื้อหาที่น่าสนใจและเข้มข้นทีเดียว เพราะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการคืนพระชนม์ของพระองค์ ซึ่งเป็นความลึกลับ และเป็นชัยชนะ
พระธรรม 1 โครินธ์ เขียนโดยอาจารย์เปาโล ซึ่งเราจะมาเรียนรู้ด้วยกัน 3 ประเด็นในวันนี้
  1. Was Jesus Christ Resurrected and Why? การที่เราเป็นคริสเตียน เราก็ทราบอยู่แล้วว่าพระเยซูคริสต์ทรงฟื้นจากความตาย ซึ่งเป็นจากความเชื่อ แต่วันนี้เราจะมาดูที่พระคัมภีร์ เพื่อที่จะคิดวิเคราะห์หลายแง่มุม
  2. Will The Dead Be Resurrected? หลายคนถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ตายแล้ว หรือหลังจากโลกนี่แล้วจะเป็นเช่นไร
  3. What Is The Resurrection Body? ช่วงเวลานั้น คริสตจักรโครินธ์มีคำถามนี้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่อาจารย์เปาโลเขียนถึงคริสตจักรในสมัยนั้น

ภูมิหลังของโครินธ์

เมืองโครินธ์เป็นเมืองสำคัญของประเทศกรีซ ทั้งทางด้านการค้าและการเมือง คริสเตียนที่อยู่ในเมืองนั้น ก็ได้รับอิทธิพลในเรื่องความบาป และเกิดการโต้เถียงกันเอง
เมื่อคริสเตียนอยู่ในเมืองใหญ่ ย่อมได้รับอิทธิพลเรื่องเงิน อำนาจ สังคม หรือได้รับอิทธิพลจากคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้เป็นคริสเตียน ซึ่งเหมือนกับสมัยนี้ ซึ่งเราก็กำลังประสบปัญหาเช่นเดียวกัน
เวลานั้นอาจารย์เปาโลเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องเขียนถึงคริสตจักรที่เมืองโครินธ์ เพื่อนำเขาให้เข้าใจถึงทิศทางที่ถูกต้อง และสอนเขาถึงการดำเนินชีวิตคริสเตียนที่ดีและถูกต้อง
 
อ. Howard Tsang
ล่ามโดย Nattakorn Vuttichaipornkul
คำแบ่งปันรายการเพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง
เมื่อวันที่ 03/07/2011
เรื่อง The Resurrection of Christ
 
หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เพื่อเตรียมธรรมมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้ (5/5)

II. เตรียมทุกคนให้เป็นผู้รับใช้

เราทุกคนได้รับการเตรียมให้เป็นผู้รับใช้ คริสตชนมีหน้าที่ของตนเอง
เนื่อง​จาก​พระ​องค์​นี้​เอง ร่าง​กาย​ทั้ง​หมด​จึง​ได้​รับ​การ​เชื่อม​และ​ประ​สาน​เข้า​ด้วย​กัน​โดย​ทุกๆ ข้อ​ต่อ​ที่​ประ​ทาน​มา​นั้น และ​เมื่อ​แต่​ละ​ส่วน​ทำ​งาน​ตาม​หน้าที่​แล้ว ก็​ทำ​ให้​ร่าง​กาย​เจริญ​และ​เสริม​สร้าง​ตน​เอง​ขึ้น​ด้วย​ความ​รัก (เอเฟซัส 4:16 THSV)
บ่อยครั้งพระคัมภีร์กล่าวถึงคริสตจักรโดยเปรียบเหมือนร่างกายของคน โดยมีศีรษะคือพระเยซูคริสต์ และพี่น้องในคริสตจักรก็เป็นอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ร่างกายที่แข็งแรง ก็ย่อมทำงานได้ปกติ โดยรับบัญชาการจากสมอง และจะร่วมใจช่วยเหลือกันและกัน เป็นคริสตจักรที่สมบูรณ์
เรามีพระเยซูคริสต์เป็นแบบอย่างที่ดีกับเราทั้งหลาย เราควรเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ แม้ของประทานแตกต่างกัน เราก็จะทำตามหน้าที่ของแต่คน ร่วมในพันธกิจของพระเจ้า ร่วมประสานกัน
หากว่าคนหนึ่ง ปวดฟันข้างซ้าย จึงใช้ฟันข้างขวาเคี้ยวตลอด และฟันข้างซ้ายก็ไม่ได้ใช้เลย หากเป็นเช่นนี้ร่างกายจะสมบูรณ์หรือไม่?
ในคริสตจักร บางคนร่วมพันธกิจมากมาย และสวมหมวกหลายใบ ขณะที่บางคนก็ไม่สวมหมวกเลย ก็เหมือนกับที่เคี้ยวอาหารด้วยฟันข้างขวาตลอด ซึ่งเมื่อนาน ๆ ก็จะมีปัญหา และฟันข้างซ้ายซึ่งมีโรคอยู่ หากไม่ได้รับการรักษาก็จะเกิดปัญหา
เรามีความอ่อนแอด้านใด ขอพระเจ้าช่วยเหลือเรา
ถ้าเราไม่ได้รับการตรักเตรียมให้พร้อมสมบูรณ์แล้ว แล้วเราจะปรนนิบัติพระเจ้าอย่างไร? ไม่ว่าเราจะเป็นคริสเตียนกี่สิบปีแล้ว แต่หากไม่ร่วมงานในพันธกิจของคริสตจักรเลย ท่านก็ได้บกพร่องต่อพระเจ้า แล้วเราจะสร้างคริสตจักรอย่างไร? ขอพระเจ้าทรงเมตตาเรา
ขอที่เราทุกคนจะยอมให้พระคำของพระเจ้าเตรียมเราให้พร้อม ขอที่เราจะลงทะเบียนเรียนพระคัมภีร์ในตอนเช้าวันอาทิตย์ มีชั้นเรียนต่าง ๆ ที่สามารถเข้าร่วมได้ เมื่อเราได้รับการตรักเตรียมให้พร้อมแล้ว เราก็จะพร้อมที่จะเข้าพันธกิจของพระเจ้า เกิดผลตามหน้าที่ของเรา เมื่องานของพระเจ้าเริ่มต้นแล้ว คริสตจักรก็เติบโตได้ ซึ่งการเติบโตของคริสตจักรเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ขอที่เราจะทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ยอมรับการตรักเตรียม
ทุกคนมีหน้าที่ของตนที่จะทำให้สมบูรณ์ ไม่มีทางลัด
เมื่อได้รับการเชิญให้ร่วมพันธกิจ บางคนอาจจะอ้างว่าทำอะไรไม่ได้เลย ก็ขอที่เราจะรับการตรักเตรียมให้พร้อม เพราะถ้าไม่พร้อม ก็ทำตามหน้าที่ไม่ได้ คริสตจักรก็ไม่สามารถเป็นสง่าราศีได้ ไม่สามารถประกาศพระบารมีของพระเยซูคริสต์ออกไปได้
ขอที่เราจะยอมรับการตรักเตรียม เพื่อคริสตจักรของเรา จะเป็นคริสตจักรที่เต็มไปด้วยสง่าราศี ประกาศพระบารมีแก่ปวงชน
 
ศจ. วิวัฒน์ วงศ์สันติชน
คำเทศนาการนมัสการรวม คริสตจักรสะพานเหลือง
เมื่อวันที่ 03/07/2011
เรื่อง เพื่อเตรียมธรรมมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้
 
หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เพื่อเตรียมธรรมมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้ (4/5)

I. การเตรียมธรรมมิกชน (3)

คริสตจักรจะต้องทำอย่างไรบ้างในการตรักเตรียมธรรมมิกชน?

1. สอนโดยยึดหลักพระคัมภีร์

16 พระ​คัม​ภีร์​ทุก​ตอน​ได้​รับ​การ​ดลใจ​จาก​พระ​เจ้า และ​เป็น​ประ​โยชน์​ใน​การ​สอน การ​ตัก​เตือน​ว่า​กล่าว การ​แก้ไข​สิ่ง​ผิด และ​การ​อบ​รม​ใน​ความ​ชอบ​ธรรม
17 เพื่อ​คน​ของ​พระ​เจ้า​จะ​มี​ความ​สา​มารถ​และ​พรัก​พร้อม​เพื่อ​การ​ดี​ทุก​อย่าง (2 ทิโมธี 3:16-17 THSV)
จากพระคัมภีร์ทั้งสองข้อ เราจะเห็นว่าพระคัมภีร์นำมาใช้ทำอะไรได้บ้าง นั่นคือ ใช้ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การแก้ไขสิ่งผิด และการอบรมในทางธรรม และพระคัมภีร์ตอนนี้ก็ยังได้บอกถึงจุดมุ่งหมาย นั่นคือ เพื่อช่วยใช้ชีวตฝ่ายวิญญาณได้สุขสมบูรณ์ขึ้น ได้รับอาหารฝ่ายวิญญาณ ให้คนของพระเจ้าพรักพร้อมเพื่อที่จะทำดีทุกอย่าง
ครูสอนพระคัมภีร์ ก็จะต้องสอนโดยยึดหลักพระคัมภีร์ เพื่อให้ผู้เรียนทุกคนเข้าใจพระคำของพระเจ้า ขณะเดียวกันผู้สอนก็จะแบ่งปันบทเรียน ไม่ว่าจะเป็นความล้มเหลวหรือความสำเร็จของตนเอง ให้ผู้เรียนรู้ว่า ขณะประสบความล้มเหลวควรทำอย่างไร ขณะสำเร็จควรจะทำอย่างไร และพระคำของพระเจ้าช่วยเหลืออย่างไร สิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจ

2. อาศัยการอธิษฐานเผื่อซึ่งกันและกัน

เอปา​ฟรัสซึ่ง​เป็น​คน​หนึ่ง​ใน​ท่าน​และ​เป็น​ผู้​รับ​ใช้​ของ​พระ​เยซู​คริสต์ ก็​ฝาก​คำ​ทัก​ทาย​มา​ยัง​พวก​ท่าน​เช่น​กัน เขา​เพียร​พยา​ยาม​อธิษ​ฐาน​เผื่อ​ท่าน​อยู่​เสมอ เพื่อ​ว่า​พวก​ท่าน​จะ​มั่น​คง เป็น​ผู้​ใหญ่​และ​มี​ความ​มั่นใจ​ใน​พระ​ประ​สงค์​ของ​พระ​เจ้า​ทั้ง​หมด (โคโลสี 4:12 THSV)
เอปาฟรัสเป็นคนแห่งการอธิษฐาน คริสเตียนควรอธิษฐานเผื่อซึ่งกันและกัน ไม่เพียงแต่ขอเพื่อตัวเอง แต่จะต้องอธิษฐานเผื่อความจำเป็นของเพื่อน ๆ ด้วย อธิษฐานเผื่อครูผู้สอน ให้พวกเขาสอนตามความจริงจากพระคัมภีร์แก่เรา และเป็นเพื่อนร่วมอธิษฐานด้วยกัน ขอที่พวกเราจะไม่ขาดการอธิษฐาน

3. ได้รับการฝึกฝนจากการทดลองและความยากลำบาก

และ​จง​ให้​ความ​ทร​หด​อด​ทน​นั้น​มี​ผล​อย่าง​สม​บูรณ์ เพื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​เป็น​คน​ที่​สม​บูรณ์​และ​ดี​พร้อม โดย​ไม่​ขาด​สิ่ง​ใด​เลย (ยากอบ 1:4 THSV)
และ​หลัง​จาก​พวก​ท่าน​ทน​ทุกข์​ชั่ว​เวลา​หนึ่ง​แล้ว พระ​เจ้า​แห่ง​พระ​คุณ​ทั้ง​สิ้น ผู้​ได้​ทรง​เรียก​ให้​พวก​ท่าน​เข้า​ใน​ศักดิ์​ศรี​นิรันดร์​ของ​พระ​องค์​ใน​พระเยซู​คริสต์ พระ​องค์​เอง​ก็​จะ​ทรง​ฟื้น​ฟู จะ​ทรง​ค้ำ​จุน​ให้​มั่น​คง จะ​ทรง​เสริม​เรี่ยว​แรง และ​จะ​ทรง​ให้​พวก​ท่าน​ตั้ง​มั่น​อยู่ (1 เปโตร 5:10 THSV)
พระเจ้าได้ทรงวางภาระนี้ไว้กับผู้สอนและพี่น้องทั้งหลาย โดยพระคำของพระเจ้า เราจะอธิษฐานเผื่อซึ่งกันและกัน
เราปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ผ่านมาเราได้พบการทดลอง ความยากลำบาก ความล้มเหลว ไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจ สุขภาพ การศึกษา หรือครอบครัว พระเจ้าใช้เหตุการณ์เหล่านี้เพื่อฝึกฝนและสั่งสอนเรา พระเจ้าทรงทดสอบเรา เพื่อให้เราเข้มแข็งขึ้น แต่มารจะทดลองเราให้เราล้มเหลว
ถ้าเราอธิษฐานเพื่อกันและกัน เราก็จะมีกำลังขึ้น แต่หลายครั้งเราละเลยการอธิษฐาน
เราควรจะถามตัวเองว่า เมื่อเราพบความทุกข์ยาก เราพบบทเรียนอะไร?
บางครั้งเราอาจตกลงไปถึงจุดเหมือนที่อาจารย์เปโตรปฏิเสธพระเยซูถึง 3 ครั้ง แม้ว่าก่อนหน้านั้นท่านจะเคยปฏิญาณจะติดตามพระองค์แม้ว่าจะต้องเผชิญสิ่งใด แต่เมื่อพบการทดลอง ท่านก็ล้มลง
การสอนพระคัมภีร์ ไม่ใช่เป็นเพียงการนำเรื่องของพระคัมภีร์เผยแพร่ แต่จะต้องเผยแพร่ชีวิตของพระเยซูคริสต์ด้วย
เรามีชัยชนะหรือประสบความล้มเหลว หากเรามีพระวจนะ มีการจุนเจือด้วยการอธิษฐานเผื่อกันและกัน เราก็จะรู้ความจริงว่าพระเจ้าทรงเที่ยงแท้ และพึ่งพาได้ เราก็จะมีชีวิตฝ่ายวิญญาณมั่นคง
วันนี้เราเฝ้าเดี่ยวหรือยัง? ถ้ามีกำหนดเวลาที่แน่นอนในการเฝ้าเดี่ยว ชีวิตฝ่ายวิญญาณก็จะไม่อ่อนแอ
ผู้นำนมัสการได้บอกแก่เราว่า คริสตจักรมีเสียงเรียกร้องให้สมาชิกร่วมมือกัน ให้เราเป็น 1 คนใน 1 แสนคน ทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อนำคน 1 ล้านคนมาเชื่อพระเจ้า และนี่ก็คือเป้าหมายของคริสตจักร
 
ศจ. วิวัฒน์ วงศ์สันติชน
คำเทศนาการนมัสการรวม คริสตจักรสะพานเหลือง
เมื่อวันที่ 03/07/2011
เรื่อง เพื่อเตรียมธรรมมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้
 
หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เพื่อเตรียมธรรมมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้ (3/5)

I. การเตรียมธรรมมิกชน (2)

คริสเตียนเมื่ออยู่ในคริสตจักร ก็มีอาจารย์ที่สอนเรา มีผู้ปกครอง มัคนายก ครูสอนพระคัมภีร์ บุคคลเหล่านี้ส่งเสริมชีวิตฝ่ายวิตวิญญาณของผู้เชื่อ
หากผู้เชื่อไม่เติบโต เราต้องถามว่า นี่เป็นหน้าที่ของใคร? ช่วยเหลืออย่างไร?
การเติบโตฝ่ายวิญญาณ เป็นหน้าที่ของทั้งสองฝ่าย
  1. ฝ่ายคริสเตียนใหม่ เขาต้องมีจิตใจยอมรับการเลี้ยงดูและอภิบาล
  2. ฝ่ายคริสตจักร คริสตจักรจะต้องหาวิธีที่จะดูแลเขา เลี้ยงดูชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของเขาให้เติบโตขึ้นมา
คริสตจักรของเรามีคณะต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อคุณ อนุชน ยุวชน สตรี รวี และคณะต่าง ๆ รวมถึงมีกลุ่มเซลล์ต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้มีไว้เพื่อจะเลี้ยงดูสมาชิกในเติบโต
อาจารย์เปาโลได้กล่าวแก่คริสตจักรโครินธ์
ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ทำ​ตาม​แบบ​อย่าง​ของ​ข้าพ​เจ้า เหมือน​กับ​ที่​ข้าพ​เจ้า​ทำ​ตาม​แบบ​อย่าง​ของ​พระ​คริสต์ (1 โครินธ์ 11:1 THSV)
ท่านผู้ที่เป็นครู สามารถพูดได้หรือไม่ว่า จงเลียนแบบครู เหมือนที่ครูเลียนแบบพระคริสต์?
ขอที่ผู้นำจะสนใจจุดนี้ เรารู้ว่าเราห่างเหินจากพระคัมภีร์ไม่ได้
 
ศจ. วิวัฒน์ วงศ์สันติชน
คำเทศนาการนมัสการรวม คริสตจักรสะพานเหลือง
เมื่อวันที่ 03/07/2011
เรื่อง เพื่อเตรียมธรรมมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้
 
หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เพื่อเตรียมธรรมมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้ (2/5)

I. การเตรียมธรรมมิกชน (1)

ธรรมมิกชน คือคริสเตียน เป็นคนของพระเจ้า คริสเตียนจะไม่มีการแบ่งแยกสูงต่ำ แม้ว่าการเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณอาจแตกต่างกัน เราไม่มียศศักดิ์ เราทุกคนได้รับการเสริมสร้างจากพระคำของพระเจ้าทั้งสิ้น พระคำทำให้ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณเติบโตขึ้น
11 สุด​ท้าย​นี้ พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย ขอ​ลา​ก่อน จง​กลับ​สู่​สภาพ​ดี​ดังเดิม จง​ฟัง​คำ​ขอ​ร้อง​ของ​ข้าพ​เจ้า จง​เป็น​น้ำ​หนึ่ง​ใจ​เดียว​กัน จง​อยู่​ร่วม​กัน​อย่าง​สันติ และ​พระ​เจ้า​แห่ง​ความ​รัก​และ​สันติ​สุข​จะ​สถิต​กับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย (2 โครินธ์ 13:11 THSV)
20 ขอ​พระ​เจ้า​แห่ง​สันติ​สุข ผู้​ทรง​นำ​พระ​ผู้​เลี้ยง​แกะ​ยิ่ง​ใหญ่​คือ​พระ​เยซู​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​พวก​เรา​ขึ้น​มา​จาก​ความ​ตาย โดย​โลหิต​แห่ง​พันธ​สัญ​ญา​นิรันดร์
21 ทรง​ให้​พวก​ท่าน​เพียบ​พร้อม​ด้วย​สิ่ง​ดี​ทุก​อย่าง เพื่อ​ที่​จะ​ทำ​ตาม​พระทัย​ของ​พระ​องค์​โดย​ทรง​ทำ​งาน​ใน​เรา ให้​เกิด​ผล​เป็น​ที่​พอ​พระ​ทัย​ใน​สาย​พระ​เนตร​ของ​พระ​องค์​ทาง​พระ​เยซู​คริสต์ ขอ​พระ​สิริ​จง​มี​แด่​พระ​องค์​สืบๆ ไป​เป็น​นิตย์ อาเมน (ฮีบรู 13:20-21 THSV)
พระธรรมทั้งสองตอนนี้ ได้กล่าวว่า สำหรับคริสเตียนแล้ว เมื่ออยู่จำเพาะพระพักตร์ต่อพระเจ้าจะต้องเป็นคนที่สมบูรณ์ และอยู่ภายใต้พระคำของพระเจ้าที่จะเสริมสร้างพวกเราให้เป็นบุตรของพระเจ้าที่เติบโตและเกิดผล
คนที่เป็นพ่อและแม่ ก็หวังว่าลูกจะเติบโตอย่างรวดเร็ว เริ่มแรกก็ต้องคอยป้อนอาหารให้ จนเมื่อเขาเติบโตก็กินเองได้ และเริ่มแรกก็ต้องอุ้ม หลังจากนั้นก็เดินเองได้ เมื่อได้เห็นเช่นนี้แล้วก็มีความสุข ชื่นใจว่าลูกของตนเลี้ยงแล้วโตได้
ท่านคิดว่าคนที่เป็นพ่อแม่ หากได้เห็นลูกเป็นทารกตลอดไปนั้นจะมีความสุขหรือไม่? แน่นอนพวกเขาคงจะต้องเครียด ว่าลูกมีปัญหาอะไรจึงไม่โต
แล้วสำหรับคนที่เชื่อพระเจ้าเล่า บางคนเชื่อมาหลายปีแล้ว แต่ยังเป็นทารก วันนี้ ขอให้ถามตัวเองว่า ชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราได้เติบโตหรือไม่?
หากตอบว่า "เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง" ก็แสดงว่ามีเหตุผลได้ 2 ประการ ได้แก่
  1. เริ่มแรกไม่ได้เชื่อพระเจ้า เพียงแต่มีความรู้ทางพระกิตติคุณ ไม่ได้กลับใจอย่างแท้จริง
  2. เชื่อแล้ว แต่ว่าไม่ได้แสวงหา ไม่อ่านพระคัมภีร์ ไม่ร่วมนมัสการ ทุก ๆ วันดูแต่ทีวี อ่านแต่บทความหรือหนังสือพิมพ์ อาจท่องตามอินเตอร์เนต พูดคุยกับเพื่อนฝูง หรือได้รับอิทธิพลจากเพื่อนหรือครอบครัวที่ยังไม่ได้เชื่อพระเจ้า ซึ่งอิทธิพลเหล่านั้นมีผลต่อชีวิตเขา
 
ศจ. วิวัฒน์ วงศ์สันติชน
คำเทศนาการนมัสการรวม คริสตจักรสะพานเหลือง
เมื่อวันที่ 03/07/2011
เรื่อง เพื่อเตรียมธรรมมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้
 
หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เพื่อเตรียมธรรมมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้ (1/5)


11 และ​พระ​องค์​เอง​ประ​ทาน​ให้​บาง​คน​เป็น​อัคร​ทูต บาง​คน​เป็น​ผู้​เผย​พระ​วจนะ บาง​คน​เป็น​ผู้​ประ​กาศ​ข่าว​ประ​เสริฐ บาง​คน​เป็น​ศิษยา​ภิบาล​
และ​อา​จารย์
12 เพื่อ​เตรียม​ธรร​มิก​ชน​สำ​หรับ​การ​ปรน​นิ​บัติ​และ​การ​เสริม​สร้าง​พระ​กาย​ของ​พระ​คริสต์
13 จน​กว่า​เรา​ทุก​คน​จะ​บรรลุ​ถึง​ความ​เป็น​น้ำ​หนึ่ง​ใจ​เดียว​กัน​ใน​ความ​เชื่อ​และ​ใน​ความ​รู้​ถึง​พระ​บุตร​ของ​พระ​เจ้า บรรลุ​ถึง​ความ​เป็น​ผู้​ใหญ่ คือ​โต​
เต็ม​ถึง​ขนาด​ความ​บริ​บูรณ์​ของ​พระ​คริสต์
14 เพื่อ​เรา​จะ​ไม่​เป็น​เด็ก​อีก​ต่อ​ไป ถูก​ซัด​ไป​ซัด​มา​และ​พัด​ไป​พัด​มา​ด้วย​ลม​คำ​สั่ง​สอน​ทุก​อย่าง ด้วย​เล่ห์​กล​ของ​มนุษย์ ตาม​อุบาย​ที่​ฉลาด​ใน​
การ​ล่อ​ลวง
15 แต่​ให้​เรา​ยึด​ถือ​ความ​จริง​ด้วย​ความ​รัก เพื่อ​จะ​เจริญ​ขึ้น​ใน​ทุก​ด้าน​สู่​พระ​องค์​ผู้​เป็น​ศีรษะ​คือ​พระ​คริสต์
16 เนื่อง​จาก​พระ​องค์​นี้​เอง ร่าง​กาย​ทั้ง​หมด​จึง​ได้​รับ​การ​เชื่อม​และ​ประ​สาน​เข้า​ด้วย​กัน​โดย​ทุกๆ ข้อ​ต่อ​ที่​ประ​ทาน​มา​นั้น และ​เมื่อ​แต่​ละ​ส่วน​ทำ​
งาน​ตาม​หน้าที่​แล้ว ก็​ทำ​ให้​ร่าง​กาย​เจริญ​และ​เสริม​สร้าง​ตน​เอง​ขึ้น​ด้วย​ความ​รัก (เอเฟซัส 4:11-16 THSV)

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และวันนี้ก็เป็นอาทิตย์แรกของเดือนกรกฎาคม ครึ่งปีผ่านไปแล้ว
พระเยซูคริสต์ได้ทำลายกำแพงที่ขวางกั้นเราออกไป ทำให้เราทั้งหลายที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกันได้รวมกันได้ และเรากับพระเจ้าก็สามารถที่จะคืนดีกันได้
11 และ​พระ​องค์​เอง​ประ​ทาน​ให้​บาง​คน​เป็น​อัคร​ทูต บาง​คน​เป็น​ผู้​เผย​พระ​วจนะ บาง​คน​เป็น​ผู้​ประ​กาศ​ข่าว​ประ​เสริฐ บาง​คน​เป็น​ศิษยา​ภิบาล​และ​อา​จารย์
12 เพื่อ​เตรียม​ธรร​มิก​ชน​สำ​หรับ​การ​ปรน​นิ​บัติ​และ​การ​เสริม​สร้าง​พระ​กาย​ของ​พระ​คริสต์ (เอเฟซัส 4:11-12 THSV)
เราทั้งหลายรวมกันเป็นคริสตจักร จุดมุ่งหมายของการตั้งคริสตจักร คือ ทำให้คนซึ่งอดีตเป็นคนบาป ได้รับความรอด และได้คืนดีกับพระเจ้า พระองค์ประทานความหวังและทรงมีแผนการสำหรับเรา เราต้องเดินตามแผนการของพระองค์
ข้าพเจ้าหวังว่าเราทุกคน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรสะพานเหลือง จะได้เป็นผู้ที่เสริมสร้างคริสตจักร
ก่อนที่เราจะทำอะไร เราต้องใคร่ครวญว่าพระเจ้าเตรียมชีวิตเราอย่างไร เพื่อเราจะอยู่ในคริสตจักรแล้วจะเติบโตและเกิดผล
ในคริสตจักรยุคเริ่มแรก พระเจ้าได้ใช้อัครทูตและผู้เผยพระวจนะมาสำแดงพระวจนะของพระองค์ พวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้ที่รับสนองพระวจนะของพระเจ้า เพื่อช่วยเหลือให้ชีวิตฝ่ายวิญญาณของธรรมมิกชนได้เติบโตขึ้น
หลังจากที่คริสตจักรในยุคพันธสัญญาใหม่ได้ก่อตั้งขึ้นอย่างมั่นคง ก็จะมีผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ ศิษยาภิบาล และอาจารย์ ดังเช่นที่อาจารย์เปาโลได้ประกาศกับชาวต่างชาติ อาจารย์เปโตรประกาศกับชาวยิว ฟีลิปประกาศกับคนอัฟริกา และทิโมธีประกาศกับคนทั่วไป มิชชันนารีในยุคปัจจุบันก็ประกาศกับคนทั่วไปเช่นกัน โดยไม่หยุด ณ ที่ใดที่หนึ่ง ด้านหนึ่งประกาศ อีกด้านหนึ่งก็เลี้ยงดูให้ธรรมมิกชนมีความเชื่อคริสเตียนมั่นคง และสร้างคริสตจักรขึ้นมา
พระเจ้าได้ทำให้บางคนลุกขึ้นมาประกาศข่าวประเสริฐ บางคนเป็นอาจารย์ บางคนเป็นศิษยาภิบาล พระเจ้าได้ใช้บุคคลเหล่านี้ในคริสตจักรเพื่อทำให้พี่น้องทั้งหลายได้รับการเสริมสร้างและรับการอภิบาลด้วย
เราเป็น 1 ส่วนในคริสตจักรของพระเจ้า ทุกคนสามารถที่จะได้รับการเตรียมจากพระเจ้า ให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ได้
ขอบคุณพระเจ้า คริสตจักรสะพานเหลืองมีอายุ 115 ปีแล้ว เป็นคริสตจักรใหญ่แห่งหนึ่ง และเป็นพระพรในคริสตจักรภาค 7 นี่เป็นพระคุณของพระเจ้า แต่ต้องระมัดระวังอย่าภาคภูมิใจจนเกินไป เรายังคงต้องแสวงต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะเป็นคริสตจักรที่แข็งแรงและสมบูรณ์
ทำอย่างไรคริสตจักรจึงจะเติบโตขึ้น?
 
ศจ. วิวัฒน์ วงศ์สันติชน
คำเทศนาการนมัสการรวม คริสตจักรสะพานเหลือง
เมื่อวันที่ 03/07/2011
เรื่อง เพื่อเตรียมธรรมมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้
 
หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ความหวัง (7/7)

ถ้าเราไม่บรรจุพระคำของพระเจ้าไว้ในความทรงจำ เราก็คงจะไม่สามารถหวนคิดขึ้นมาได้ ถ้าหวนคิดขึ้นมาได้แสดงว่าเคยรู้แล้ว ดังเช่นคอมพิวเตอร์ที่ไม่เคยมีข้อมูลเลย เราคงจะหาข้อมูลจากคอมพิวเตอร์นั้นไม่ได้ ถ้าเราอยากกดอะไร ดูอะไร เราต้องใส่ข้อมูลลงมาก่อน
หลายคนบอกว่าพระเจ้าไม่เคยตอบอะไรเลย เป็นเพราะว่าเราไม่เคยมีข้อมูลอะไรเลยหรือไม่?
แต่เยเรมีย์ได้ใส่ข้อมูลไว้แล้ว และได้หวนคิดขึ้นมาได้
เราจะไม่เป็นคริสเตียนแบบสิ้นหวังสิ้นคิด ถ้าเรามีพระวจนะของพระเจ้าอยู่ในความคิด เราก็จะไม่สิ้นคิด ยามที่คิดไม่ออกก็กดปุ่มขอจากพระเจ้า และพระเจ้าจะนำสิ่งที่เรามีไว้ออกมาช่วยเรา
ข้าพระองค์ได้สะสมพระดำรัสของ พระองค์ไว้ในใจของข้าพระองค์
เพื่อข้าพระองค์จะไม่ทำบาปต่อพระองค์ (สดุดี 119:11)
ขอที่เราจะใส่พระวจนะ เพื่อเราจะหวนคิดขึ้นมาได้ และมีความหวังใจขึ้นมา
เราพร้อมจะรับสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วยพระวจนะ ให้เรามีความหวัง มีความเชื่อ พระวจนะจะเป็นสิ่งที่ให้ความหวัง เพราะเรามีพระเจ้าแห่งความหวัง
จิตใจของข้าพเจ้าสงบคอยท่าพระเจ้าแต่องค์เดียว
เพราะความหวังของข้าพเจ้ามาจากพระองค์ (สดุดี 42:5)
ช่วงที่ผ่านมา ข้าพเจ้าเห็นพระเจ้าทรงเคลื่อนไหวอย่างมาก มีพี่น้องนำคนมาหาพระเจ้าแทบจะทุกครั้ง
มีคนมากมายมาหาพระเจ้า รวมถึงคนที่เคยออกจากทางพระเจ้าแล้วกลับมาอีกครั้ง ถ้าเราไม่ท้อใจ เดินต่อไปเรื่อย ๆ เราจะไม่เพียงแต่มีชีวิตต่อไป แต่เราจะช่วยให้คนอื่นมีความหวังใจขึ้นมาได้
ขอพระเจ้าอวยพรที่เราทั้งหลายจะมีความหวังใจในชีวิต ทั้งในเรื่องครอบครัว อาชีพการงาน ความสัมพันธ์ ขอที่เราจะมีความหวังในพระเจ้าเสมอ เพราะความรักของพระเจ้านั้นใหม่สดทุกเวลาเช้า
 
ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
คำเทศนาการนมัสการรอบบ่าย คริสตจักรสะพานเหลือง
เมื่อวันที่ 08/05/2011
เรื่อง ความหวัง
 
หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ความหวัง (6/7)

ถ้าเรามีหลักประกัน ว่าจะมีของกินใหม่ ๆ ทุกเวลาเช้า เราคงจะไม่ต้องกลัวแม้ว่าเราจะไม่มีเงินเลย เราคงจะมีความหวังใจ
คริสตจักรของข้าพเจ้า พระเจ้าทรงเมตตา ที่ในความแตกต่าง ก็มีคำพยานมากมายที่คนที่เหมือนจะหมดความหวังกลับมีความหวังขึ้นมา เพราะความรักของพระเจ้านั้นใหม่สดทุกเวลาเช้า
พระเจ้าทรงเป็นส่วนของเรา ถ้าเรามีความเชื่อมั่นในพระเจ้า เราจะมีความหวัง ถ้าเรารักในพระเจ้า เราจะมีความหวัง อย่ารักเพียงแค่ปากแต่ไม่เชื่อ อย่าพูดว่ามีความเชื่อแต่กลับไร้ความหวัง
สมาชิกในคริสตจักรท่านหนึ่ง เห็นข้าพเจ้าไม่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ จึงได้ซื้อสิ่งต่าง ๆ ให้ข้าพเจ้า ตั้งแต่ iPod ซึ่งข้าพเจ้าฟังได้ไม่นาน ก็รู้สึกไม่ค่อยชอบการฟังใส่หู และสุดท้าย สมาชิกอีกท่านหนึ่ง เห็นข้าพเจ้าไม่ใช่คอมพิวเตอร์ ไม่ใช่เทคโนโลยีเลย จึงซื้อ Blackberry ให้ข้าพเจ้า และค่อย ๆ สอนข้าพเจ้า เรียนอาทิตย์ละครั้งหลังเซลล์ โดยมีเงื่อนไข คือให้ข้าพเจ้าส่งข้อพระคัมภีร์ให้เขาวันละ 1 ข้อ และต่อมาก็ให้ส่งให้คนอื่นด้วย ข้าพเจ้าพยายามใช้ จนปัจจุบันสามารถใช้ได้คล่องมากขึ้น
ไม่นานมานี้ ก็มีคน BB มาปรึกษา ว่าต้องเผชิญกับคนไม่น่ารัก ขอพระคัมภีร์ด่วน ข้าพเจ้าจึงส่งกลับไป ว่าให้อ่านพระคัมภีร์ข้อนั้นข้อนี้ กลายเป็นสิ่งที่ช่วยให้คนออกจากความสิ้นหวัง ซึ่งสิ่งที่ช่วยคือพระวจนะของพระเจ้า ที่ช่วยให้ความหวังมีทางออก

ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
คำเทศนาการนมัสการรอบบ่าย คริสตจักรสะพานเหลือง
เมื่อวันที่ 08/05/2011
เรื่อง ความหวัง
 
หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ