วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

พื้นฐานของความจริง ตอนที่ 1 (3)

ศักยภาพเรื่องเหตุและผล (2)

พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์​ทรง​ไม่​ให้​กล่าว​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า​ใน​แคว้น​เอ​เชีย พวก​ท่าน​จึง​ไป​ทั่ว​แว่น​แคว้น​ฟรี​เจีย​กับ​กา​ลา​เทีย (กิจการ 16:6 THSV2011)

อาจารย์เปาโล เมื่อท่านจะเดินทางไปประกาศ ท่านมีการวางแผน ท่านตั้งใจจะไปเอเชีย เพราะทวีปเอเชียเป็นที่มาของทุกศาสนาของโลก คนเอเชียสนใจศาสนา อาจารย์เปาโลตั้งใจประกาศให้คนสนใจเรื่องศาสนา แต่พระวิญญาณทรงนำท่านไปยุโรป ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงนำเช่นนั้น การทรงนำของพระองค์ไม่เคยผิดพลาด ถ้าท่านไม่เชื่อฟังพระวิญญาณ แน่นอนพวกเราไม่เห็นพระคัมภีร์เล่มนี้ เพราะคนเอเชียไม่เน้นเหตุผล เน้นแต่ประสบการณ์ จึงมีไศยศาสตร์เต็มไปหมด เพราะคนเอเชียสนใจประสบการณ์แปลก ๆ

พระเจ้านำให้อาจารย์เปาโลไปยุโรป เพื่อท่านจะได้เขียนพระคัมภีร์ และพระเจ้านำท่านไปเอเธนส์ ซึ่งเป็นแหล่งปรัชญาของโลก เพื่อบอกกับพวกเขาว่าปรัชญาของมนุษย์ ไม่ใช่คำตอบของมนุษย์ นักปรัชญาของโลกเก่งการตั้งคำถาม แต่ไม่สามารถหาคำตอบได้ จุดสูงสุดของนักปรัชญาคือตั้งคำถามให้มนุษย์คิด แต่ให้คำตอบไม่ได้

พระเจ้าประทานสติปัญญาให้กับมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์ตั้งคำถาม เพื่อที่จะอยากรู้คำตอบ

ตัวอย่างคำถามง่าย ๆ ได้แก่ คุณมาจากไหน? อยู่เพื่ออะไร? ตายแล้วไปไหน?

นักปรัชญาตั้งคำถามเหล่านี้ คุณตอบได้หรือไม่? ถ้าไม่รู้จริง ห้ามตอบกับพวกเขา เพราะพวกเขาจะวิเคราะห์คุณอย่างทันที สิ่งที่จะตอบต้องเป็นความจริง

นี่คือหลักปรัชญากรีก ลูกศิษย์เถียงครูได้ ซึ่งคนไทยมิได้เป็นเช่นนั้น

พระเจ้าใช้นักปรัชญาเหล่านี้ตั้งคำถาม เพื่อให้มนุษย์แสวงหาคำตอบ แต่ในตัวมนุษย์ไม่มีคำตอบ

นักปรัชญากรีก ตั้งคำถาม โดยเริ่มต้นว่ามนุษย์แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอย่างอื่น เขาไม่เทียบมนุษย์กับพืช แต่เทียบกับสัตว์

มนุษย์แตกต่างกับสัตว์

  • พืชไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ อยู่กับที่
  • สัตว์ ขยับเขยื้อนได้
  • แต่คน มีความเป็นคน

น่าเศร้า พระเจ้าสร้างมนุษย์ให้เป็นมนุษย์ แต่มนุษย์ไม่อยากเป็นคน จึงตกต่ำเป็นสัตว์

เช่นถ้าถามว่า คนมาจากไหน? นักวิชาการหลายคนจะตอบทันทีว่า คนมาจากลิง ลิงมาจากไหน? มาจากพ่อของลิง พ่อของลิงมาจากไหน? มาจากพ่อของพ่อของลิง แล้วลิงตัวแรกมาจากไหน? ลิงตัวแรกมาจากเซลล์
เมื่อถามต่อว่า เซลล์มาจากไหน? ก็มาจากพ่อของเซลล์ พ่อของเซลล์มาจากไหน? มาจากพ่อของพ่อของเซลล์ แล้วเซลล์แรกมาจากไหน? คำตอบก็คือ เกิดขึ้นเอง

ข้าพเจ้าไปค่ายอนุชนแห่งหนึ่ง มีคนไม่เชื่อร้อยกว่าคน ข้าพเจ้าบอกว่ามนุษย์ไม่ใช่สัตว์ประเสริฐ แต่มนุษย์เป็นมนุษย์ที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา

มีคนเถียง บอกว่ามนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ ไม่ใช่พระเจ้าสร้าง

ข้าพเจ้าจึงยกตัวอย่างว่า หากมีคนบอกว่า "เธอป็นคนจริง ๆ ช่างเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ ไร้ที่ติ ไอ้คนเอ๋ย" คงไม่มีใครโกรธ เพราะเป็นคน

แล้วถ้าบอกว่า "สัตว์ เธอช่างเป็นสัตว์จริง ๆ ช่างเป็นสัตว์ที่สมบูรณ์แบบ ไร้ที่ติ ไอ้สัตว์เอ๋ย" คงจะโกรธ คงจะไม่มีใครพอใจที่ถูกบอกเช่นนั้น

คนกับสัตว์แตกต่างกัน

 

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์

สรุปคำเทศนาฟื้นฟู คริสตจักรโมทนา ลำปาง

เมื่อวันที่ 28-29/06/2009

จาก http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

 

หมายเหตุ:

  • ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ
  • สามารถฟังบันทึกคำเทศนาได้ที่นี่ครับ  http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

พื้นฐานของความจริง ตอนที่ 1 (2)

ศักยภาพเรื่องเหตุและผล (1)

สิ่งที่ข้าพเจ้าจะพูดถึง คือ ศักยภาพเรื่องเหตุและผล นี่เป็นสิ่งที่ยากที่สุด และคนไม่อยากฟัง เพราะเปลืองสมอง

มีการศึกษาหนึ่ง กล่าวถึงประชากรของคนเอเชีย โดยเฉพาะคนไทย ว่า

5%   ใช้สมอง เป็นนักคิด
15% คิดว่าตัวเองคิด แต่ไม่ได้คิด ยืมสมองคนอื่นมาคิด
80% คิดว่า ถ้าให้ฉันคิด ฆ่าฉันให้ตายดีกว่า

นี่เป็นจริงหรือไม่? ลองดูในช่วงเทศกาลคริสตมาส หากผู้นำถามคริสตจักรว่าจะทำกิจกรรมอะไรดีในช่วงเทศกาลคริสตมาส แน่นอนว่าสมาชิกจะตอบทันทีว่า "แล้วแต่อาจารย์" คือให้อาจารย์สั่ง พร้อมจะทำทุกอย่าง

วันนี้ ขอให้พี่น้องตั้งใจฟัง

เวลาฟังสิ่งเหล่านี้ จะเป็นเหมือนกับการเที่ยวตะวันออกกลาง นั่งสักพักจะ "เลบานอน" นอนเสร็จก็ "อิสราเอล" อิสราเอลแล้วก็ "อาหรับ" หยุดแค่อาหรับพอ บางคนต่อไป "สกล" ซึ่งหนวกหูชาวบ้าน ถ้าเป็นเช่นนั้น คือข้าพเจ้าจะพาไป "ทะเลตาย"

ถ้าง่วงหนาวหาวนอน หาวแรกข้าพเจ้าจะไม่พูด หาวที่สองข้าพเจ้าจะไม่บน แต่หาวที่สามนี่น่าดู (สามหาว ไม่ใช่หามสาว)

วันนี้ ข้าพเจ้าจะพูดเกี่ยวกับศักยภาพเรื่องเหตุและผล

 

49 "เรา​มา​เพื่อ​จะ​ให้​ไฟ​เกิด​ขึ้น​ที่​แผ่น​ดิน​โลก เรา​อยาก​ให้​ไฟ​นั้น​ลุก​ขึ้น​แล้ว
50 เรา​จะ​ต้อง​รับ​บัพ​ติศ​มา​อย่าง​หนึ่ง เรา​เป็น​ทุกข์​มาก​จน​กว่า​จะ​สำ​เร็จ
51 พวก​ท่าน​คิด​ว่า​เรา​มา​เพื่อ​จะ​ให้​เกิด​สันติ​ภาพ​ใน​โลก​หรือ? เรา​บอก​ท่าน​ว่า ไม่​ใช่ แต่​จะ​ให้​แตก​แยก​กัน​ต่าง​หาก
52 เพราะ​ว่า​ตั้ง​แต่​นี้​ไป ห้า​คน​ใน​บ้าน​หลัง​หนึ่ง​ก็​จะ​แตก​แยก​กัน คือ​สาม​ต่อ​สอง​และ​สอง​ต่อ​สาม
53 พ่อ​จะ​แตก​แยก​กับ​ลูก​ชาย และ​ลูก​ชาย​จะ​แตก​แยก​กับ​พ่อ
แม่​กับ​ลูก​สาว และ​ลูก​สาว​กับ​แม่
แม่​ผัว​กับ​ลูก​สะใภ้ และ​ลูก​สะใภ้​กับ​แม่​ผัว" (ลูกา 12:49-53 THSV2011)

ถ้าใครเทศนา และยึดพระคัมภีร์แค่ตอนนี้ คนไทยคงจะรับไม่ได้ เพราะพระเยซูเป็นเหตุให้เกิดการแตกแยก ให้แตกแยกระหว่างสามีภรรยา ระหว่างพ่อแม่ แต่ตรงนี้ พระองค์กำลังสอนเราว่า เป็นการง่ายที่คนจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขอย่างมีสันติภาพ แต่ถ้าความสงบสุขตั้งอยู่บนพื้นฐานของความชั่ว ความไม่ถูกต้อง ความสงบสุขนั้นไม่ใช่ความสงบสุขที่แท้จริง มันคือระเบิดเวลา

หากข้าพเจ้านำสุนัขไปเผาจนเหลือแต่ขี้เถ้า แล้วผสมน้ำ จะขุ่นหรือไม่? แน่นอน คงจะขุ่น และคงจะไม่มีใครกล้าดื่ม แต่หากข้าพเจ้าตั้งไว้สัก 2 อาทิตย์ ข้างบนก็ใส เพราะขี้เถ้าตกตะกอน คุณจะกล้ากินหรือไม่? คงจะไม่กล้า เพราะเรารู้ว่าขี้เถ้าสุนัขยังอยู่ข้างล่าง

พระเยซูกำลังตรัสเช่นเดียวกัน น้ำใส ๆ คือสันติสุขของโลก ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ข้างล่างเป็นความชั่วความบาป นี่ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง มันกำลังนำมนุษย์สู่การพิพากษา ดังนั้นต้องเอาขี้เถ้าออก เพื่อให้เกิดสันติสุขที่แท้จริง

เป็นการง่ายที่เราจะอยู่ในสังคมอย่างสงบสุข เพียงแค่ยอมตามรัฐบาลตลอด แม้นโยบายของรัฐบาลจะขัดต่อหลักการของพระคัมภีร์ หรือในกรณีของการทำงาน ปกติข้าราชการเลิกงาน 1630 น. แต่ถ้าเราเป็นคริสเตียนคนเดียว แล้ววันหนึ่ง ทุกคนในแผนกตกลงกันที่จะเลิกงานก่อนเวลา และปิดสำนักงาน ถ้าเราจะทำให้เกิดความสงบสุข ก็แค่ยอมตาม กลับกับพวกเขา เพื่อความสงบสุข ถ้าทำเช่นนั้น ก็จะไม่มีเรื่องวุ่นวาย แต่นั้นเป็นความสงบสุขท่ามกลางความชั่ว

แต่ถ้าเราจะเป็นคริสเตียนจริง จะต้องเกิดการแตกแยกแบ่งชัด เพราะพวกเราเป็นความสว่าง พวกเขาเป็นความมืด เราจะเข้าใจสิ่งที่พระองค์บอก พระองค์ไม่ได้ทำให้เกิดสันติภาพ แต่นำให้เกิดการแตกแย่ก เพื่อนำไปสู่สันติสุขที่แท้จริง

คนเชื่อในพระคริสต์ที่แท้จริง จะต้องยืนหยัดเพื่อความจริง แม้จะนำมาสู่ความขัดแย้ง

ถ้าจะมีสันติภาพ ต้องเป็นสันติภาพบนความจริงแห่งพระเจ้า แม้อาจจะต้องชนกับพี่น้องคริสเตียนทั้งหมดที่มีความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เพื่อนำพวกเขามาสู่ความจริงที่ถูกต้อง ทองแท้ ย่อมไม่กลัวไฟ

ขอที่เรามาอยู่บนรากฐานแห่งความจริง แล้วสิ่งที่ท่านทุ่มเทจะไม่เสียเปล่าเลย

รูสเวลต์ อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวว่า

"If i must choose between righteous and peace, i choose righteous."
"ถ้าคุณจะให้ผมเลือกระหว่างการอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขกับความถูกต้อง ผมเลือกที่จะยืนหยัดในความถูกต้อง"

ผู้รับใช้พระเจ้าจะต้องเป็นเช่นนี้ สันติภาพที่แท้จริงต้องมีรากฐานบนความถูกต้อง

 

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์

สรุปคำเทศนาฟื้นฟู คริสตจักรโมทนา ลำปาง

เมื่อวันที่ 28-29/06/2009

จาก http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

 

หมายเหตุ:

  • ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ
  • สามารถฟังบันทึกคำเทศนาได้ที่นี่ครับ  http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

พื้นฐานของความจริง ตอนที่ 1 (1)

ปุโร​หิต​เป็น​อย่าง​ไร ประ​ชา​ชน​ก็​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น
เรา​จะ​ลง​โทษ​เขา​เนื่อง​ด้วย​วิธี​การ​ของ​เขา
เรา​จะ​ตอบ​แทน​เขา​ตาม​การ​กระ​ทำ​ของ​เขา (โฮเชยา 4:9 THSV2011)

ปุโรหิตเป็นอย่างไร ประชาชนเป็นอย่างนั้น ผู้นำสำคัญมาก

ผู้นำดี ผู้ตามดี ก็ดีแน่
ผู้นำดี ผู้ตามแย่ พอแก้ไข
ผู้ตามดี ผู้นำแย่ แก้แทบตาย
ผู้นำแย่ ผู้ตามแย่ บรรไลเอย

ผู้นำเป็นอย่างไร สมาชิกเป็นอย่างนั้นด้วย

 

องค์ประกอบ 4 ด้านของคริสเตียน

ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทราบว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าจะสอนอยู่จุดไหนของความเชื่อ

พระเจ้าสร้างเราทุกคนขึ้นมา พระองค์ต้องการให้เราเป็นเหมือนที่พระองค์อยากให้เราเป็น พระองค์มีมาตรฐาน และมนุษย์ทุกคนต้องได้ตามมาตรฐานนี้ ซึ่งประกอบด้วยมาตรฐาน 4 ด้าน คริสเตียนที่ปกติ ต้องมีความพร้อมทั้ง 4 อย่างนี้ และ 4 อย่างนี้ต้องถูกต้องตามมาตรฐานหรือวัตถุของพระเจ้าด้วยด้วย ทั้ง 4 อย่างรวมกันเป็นชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ

  1. ศักยภาพด้านเหตุและผล มนุษย์ถูกสร้างมาให้มีศักยภาพ ให้มีเหตุและผล ซึ่งสิ่งนี้ไม่มีสัตว์ชนิดอื่น ดังเช่นเราบอกสุนัขให้ปัสสาวะให้เป็นที่ มันก็คงจะไม่รู้เรื่อง เพราะมันไม่มีศักยภาพที่จะรู้เหตุและผล เด็กเล็ก ๆ ศักยภาพนี้ยังไม่พัฒนา แต่เมื่อโตขึ้นก็เริ่มมีศักยภาพนี้ เริ่มรู้ว่าอะไรควรและอะไรไม่ควร
  2. จิตสำนึกผิดชอบ มีศีลธรรม มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
  3. ความตั้งใจ จะต้องทราบว่าอยู่ในโลกนี้เพื่ออะไร มนุษย์ต้องมีเป้าหมายในชีวิต แต่หลายครั้งที่เรากลับไม่มีเป้าหมาย บางคนบอกว่า "เดินเรื่อยเปื่อย ไม่มีจุดหมาย" เราจะเป็นเช่นนั้นไม่ได้ มนุษย์ต้องมีเป้าหมายแห่งชีวิต
  4. อารมณ์ ความรู้สึก และความสัมพันธ์

ทั้ง 4 ด้าน ถ้าจะถูกสร้าง เพื่อที่จะเป็นอย่างที่พระเจ้าอยากให้เราเป็น จะต้องกลับสู่พระคำของพระเจ้า

ด้านเหตุและผล เราจะต้องกลับสู่ความจริงแห่งพระคำของพระเจ้า

ด้านจิตสำนึกผิดชอบ เราจะต้องกลับสู่การทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์

ด้านความตั้งใจ จะต้องกลับไปสู่เป้าหมายของพระเจ้าที่มีในชีวิตของเรา อยู่ในน้ำพระทัยของพระเจ้า

เป้าหมายในชีวิตของเรา คือ ยิ่งมายิ่งเหมือนพระเยซูคริสต์ ยิ่งมายิ่งไปถึงแผ่นดินสวรรค์ แม้ว่าเส้นทางที่เราเดินแตกต่างกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกัน คือใช้ชีวิตเพื่อถวายเกียรติพระเจ้า พระองค์กำหนดทางแก่เราเพื่อให้เราเป็นเกลือและแสงสว่างในทางที่เราไป

ด้านอารมณ์ ความรู้สึก และความสัมพันธ์ พระคัมภีร์ได้พูดถึงความสัมพันธ์ 10 ด้าน เราจะต้องมีความสัมพันธ์ทั้งหมดนี้ถูกต้องตามพระคัมภีร์

  1. เรากับพระเจ้า
  2. เรากับตัวเอง
  3. พ่อแม่กับลูก
  4. สามีกับภรรยา
  5. พี่กับน้อง
  6. เพื่อน
  7. เรากับรฐบาล
  8. เรากับธรรมชาติ
  9. เรากับทูตสวรรค์
  10. เรากับผีมารซาตาน

ทูตสวรรค์มีความสัมพันธ์กับเราหรือไม่? เรามีทูตสวรรค์ประจำตัว

หลายคนอาจกังวลว่าแล้วเวลาอาบน้ำจะทำอย่างไร เพราะว่าทูตสวรรค์ก็จะเห็นหมด แต่มีเหตุผลที่เราไม่ต้องกลัว เพราะ

  1. ทูตสวรรค์ไม่มีความต้องการทางเพศ
  2. ทูตสวรรค์รู้จักคุณ เพราะมีรูปร่างเหมือนคุณ

ดังเช่นในกิจการ เมื่อเปโตรถูกช่วยออกจากคุก พวกสาวกกลับไม่เชื่อ คิดว่าเป็นทูตสวรรค์

นี่เป็นเรื่องแปลกเรื่องหนึ่ง เพราะเวลานั้นพวกเขากำลังอธิษฐานให้พระเจ้าช่วยเปโตรให้หลุดจากคุก แต่เมื่อเปโตรมาก็กลับไม่เชื่อ

คริสตจักรแห่งหนึ่ง ร่วมใจอธิษฐาน เนื่องจากแห้งแล้งมาก

มียายคนหนึ่งเดินทางมา และพกร่มมาด้วย ศิษยาภิบาลจึงถามว่า "ยายเอาร่มมาทำไม ฝนไม่ตกสักหน่อย"

ยายเลยตอบว่า "เดี๋ยวฝนตกแล้วยายกลับบ้านไม่ได้"

ความเชื่อของยายสูงยิ่งกว่าความเชื่อของศิษยาภิบาลเสียอีก!

เหล่าสาวกที่อธิษฐานเผื่อเปโตรตอบว่าเป็นทูตสวรรค์ประจำตัวเปโตร เพราะชาวยิวเชื่อว่าทูตสวรรค์หน้าตาคล้ายกับเรา

สรุปคือ หากคริสเตียนมีทั้ง 4 ด้านนี้อย่างสมบูรณ์ ก็จะเป็นคริสเตียนที่ปกติ

 

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์

สรุปคำเทศนาฟื้นฟู คริสตจักรโมทนา ลำปาง

เมื่อวันที่ 28-29/06/2009

จาก http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

 

หมายเหตุ:

  • ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ
  • สามารถฟังบันทึกคำเทศนาได้ที่นี่ครับ  http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ชีวิตที่ฟื้นฟู (11)

องค์ประกอบ 5 อย่างของการฟื้นฟู

5. คริสเตียนประกาศข่าวประเสริฐทั่วโลก (2)

วันหนึ่งที่บิ๊กซี หากข้าพเจ้าตะโกนบอกว่า "พ่อแม่พี่น้อง ผมนี่แหละเป็นพระเจ้า" คุณคิดว่าคนจะตอบว่าอะไร? คนคงจะด่าว่า "ไอ้บ้า"

คนที่กล้าเรียกว่าตัวเองเป็นพระเจ้า มีแค่ 2 ประเภท คนบ้ากล้าพูด หรือเขาเป็นอย่างนั้นจริง ๆ

คุณคิดว่าพระองค์บ้าหรือไม่?

ปีนี้ 2009 เป็นปีสากลซึ่งมีที่มาจากพระเยซูคริสต์ ถ้าพระองค์เป็นคนบ้า จะมีใครใช้ปีของคนบ้า ฉลองวันเกิดให้คนบ้า ใช้เครื่องหมายของคนบ้า

วันก่อน ข้าพเจ้าไปเทศนาที่คริสตจักรแห่งหนึ่ง มีนักร้องคนหนึ่งใส่ไม้กางเขนมา ข้าพเจ้าจึงถามว่า "น้องครับ รู้หรือไม่ว่าไม้กางเขนคืออะไร"

เขาก็ตอบว่า "เป็นเครื่องประดับชนิดหนึ่งค่ะ"

ข้าพเจ้าจึงบอกว่า "น้องครับ ไม้กางเขนไม่ใช่เครื่องประดับ แต่เป็นเครื่องประหารชีวิต เป็นเครื่องประหารชีวิต 1 ใน 8 อย่างของโลก ที่ทารุณโหดร้ายที่สุด อย่าคิดว่าเป็นเครื่องประดับ"

ข้าพเจ้าขอท้าทายคุณ ตั้งแต่คุณเกิดเป็นคน จนวันนี้ เคยเห็นเครื่องมือประหารชีวิตใดได้รับการยกไว้เช่นนี้หรือไม่?

เมื่อมาที่โบสถ์ เราจะได้ร้องเพลงยกย่องเครื่องมือประหารชนิดนี้เต็มไปหมด อาทิเช่น

"ที่กางเขน ที่กางเขน ข้ายินดีเสมอไป"

"ข้าจะแบกกางเขนแล้วเดินตาม"

ไม่มีเพลง "เก้าอีไฟฟ้า เก้าอี้ไฟฟ้า" หรือ "ข้าจะแบกยิงเป้าแล้วเดินตาม"

ทำไมจึงยกย่องเครื่องมือประหารชีวิตชนิดนี้? ก็เพราะพระองค์ไม่ใช่คนบ้า แต่ทรงเป็นพระเจ้าจริง ๆ!

ถ้าพระองค์ไม่ใช่พระเจ้า พระองค์ก็เป็นคนบ้า ถ้าพระองค์เป็นคนบ้า ข้าพเจ้าก็เชื่อคนบ้า ถ้าเช่นนั้นข้าพเจ้าก็บ้ากว่าเพราะข้าพเจ้าเชื่อคนบ้า แล้วถ้าเป็นเช่นนั้น พวกคุณก็กำลังฟังคนบ้าเทศนาอยู่ คนที่ฟังคนบ้าพูดก็แสดงว่าบ้าเช่นกัน

แต่คุณไม่บ้า ผมไม่บ้า พระองค์ไม่บ้า พระองค์เป็นพระเจ้าจริง ๆ และพระองค์ตายไถ่บาปแทนเราที่ไม้กางเขน

 

คริสตจักรจะฟื้นฟูได้ คริสเตียนแต่ละคนมีส่วน คริสเตียนจะต้อง

  1. สนใจพระวจนะของพระเจ้า เป็นห่วงอนุชนคนรุ่นหลังที่เก่งแต่ร้องเพลงแต่ไม่เก่งพระคัมภีร์
  2. สารภาพความผิดบาปอย่างสิ้นเชิง ทุกคนจะต้องมีชีวิตที่บริสุทธิ์ ทุกวันอาจทำบาป แต่ไวในการแก้ไขในการผิดบาป

"คนชอบธรรมของพระเจ้า ทำบาปเล็กสำนึกใหญ่
คนไม่ค่อยชอบธรรม ทำบาปใหญ่สำนึกเล็ก
คนทำบาปแล้วไม่สำนึก คิดเองว่าเป็นคนหรือไม่"

  1. เลียนแบบชีวิตที่มาจากพระเยซูคริสต์
  2. ยกพระเยซูเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์
  3. ประกาศข่าวประเสริฐ

นี่คือหลักการฟื้นฟูที่แท้จริง คริสตจักรจะฟื้นฟูได้จะต้องมี 5 อย่างนี้ เริ่มจากส่วนบุคคล เมื่อทุกคนเป็นเช่นนี้แล้ว คริสตจักรจะไม่ได้รับการฟื้นฟูได้อย่างไร?

 

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์

สรุปคำเทศนาฟื้นฟู คริสตจักรโมทนา ลำปาง

เมื่อวันที่ 28-29/06/2009

จาก http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

 

หมายเหตุ:

  • ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ
  • สามารถฟังบันทึกคำเทศนาได้ที่นี่ครับ  http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ชีวิตที่ฟื้นฟู (10)

องค์ประกอบ 5 อย่างของการฟื้นฟู

5. คริสเตียนประกาศข่าวประเสริฐทั่วโลก (1)

นานหรือยังที่ท่านไม่ได้ข่าวประเสริฐ? นานหรือยังเมื่อท่านประกาศข่าวประเสริฐครั้งสุดท้าย?

คริสเตียนจะต้องประกาศข่าวประเสริฐ ให้ข่าวประเสริฐออกจากชีวิตของเรา

แรก ๆ ข้าพเจ้าไม่กล้าประกาศ ไม่กล้าพูด เพราะข้าพเจ้าไม่รู้เรื่องมาก แต่เมื่อข้าพเจ้ารู้ชัดเจนว่าพระองค์เป็นใคร ข้าพเจ้าจึงกล้าพูด

ถ้าคุณอยากรู้ว่าพระองค์เป็นใคร อย่าฟังจากผม แต่ต้องฟังจากปากพระองค์เอง

30 (พระเยซูตรัสว่า) "...เรา​กับ​พระ​บิดา​เป็น​อัน​หนึ่ง​อัน​เดียว​กัน"
31 พวก​ยิว​จึง​หยิบ​ก้อน​หิน​ขึ้น​มา​อีก​จะ​ขว้าง​พระ​องค์​ให้​ตาย
32 พระ​เยซู​จึง​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า "เรา​แสดง​ให้​ท่าน​เห็น​การ​ดี​หลาย​อย่าง​ของ​พระ​บิดา พวก​ท่าน​หยิบ​ก้อน​หิน​จะ​ขว้าง​เรา​ให้​ตาย​เพราะ​การ​ดี​ข้อ​ไหน?"
33 พวก​ยิว​ทูล​ตอบ​พระ​องค์​ว่า "เรา​จะ​ขว้าง​ท่าน​ไม่​ใช่​เพราะ​การ​ดี​ใดๆ แต่​เพราะ​การ​พูด​หมิ่น​ประ​มาท​พระ​เจ้า เพราะ​ท่าน​เป็น​เพียง​มนุษย์​แต่​ตั้ง​ตัว​เป็น​พระ​เจ้า" (ยอห์น 10:30-33 THSV2011)

แท้จริงแล้ว พระองค์ไม่ได้อ้างตัวว่าเป็นพระเจ้า พระองค์ไม่ต้องอ้าง เพราะพระองค์เป็นพระเจ้า

"I and the Father are one" (John 10:30 ESV2011)

นี่แปลว่า "เรากับพ่อของเราผู้สร้างโลก เป็นพันธุ์เดียวกัน พ่อเราเป็นพระเจ้า เราเป็นลูกพระองค์ เราจึงเป็นพระเจ้า"

ครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้านั่งแท็กซี่ไปโบสถ์ คนขับเป็นผู้หญิง เมื่อเขารู้ว่าข้าพเจ้ากำลังจะไปโบสถ์ เขาจึงพูดเลย "ป้ารู้เรื่องพระเยซูหมดเลย ป้าเคยเรียนโรงเรียนคริสเตียน"

ข้าพเจ้ากล่าว "อย่างนี้ป้าก็รู้สิครับว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า" ป้าตอบ "เข้าใจผิดแล้วแหละค่า พระเยซูเป็นลูกของพระเจ้า ไม่ใช่พระเจ้า"

"ก็ใช่แล้วไงครับ พระเยซูเป็นบุตรของพระเจ้า" "ลูกของพระเจ้าจะเป็นพระเจ้าได้อย่างไร ลูกของพระเจ้าจะเป็นพระเจ้าไม่ได้"

"ป้า ช้างออกลูกเป็นอะไร" "ช้างก็ออกลูกเป็นช้างไงคะ"

"นกออกลูกเป็นอะไร" "นกก็ออกลูกเป็นนกไงคะ"

"แมวออกลูกเป็นอะไร" "แมวก็ออกลูกเป็นแมวไงคะ"

"คนออกลูกเป็นอะไร" "คนก็ออกลูกเป็นคนไงคะ"

"พระเจ้าออกลูกเป็นอะไร" "พระเจ้าก็ออกลูกเป็นพระเจ้าไงคะ"

พอป้าเขาตอบเสร็จ จึงทำหน้าเหมือนกับว่า ทำไมจึงเพิ่งคิดได้

พระเยซูเป็นบุตรของพระเจ้า แสดงว่าพระองค์เป็นพระเจ้า!

 

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์

สรุปคำเทศนาฟื้นฟู คริสตจักรโมทนา ลำปาง

เมื่อวันที่ 28-29/06/2009

จาก http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

 

หมายเหตุ:

  • ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ
  • สามารถฟังบันทึกคำเทศนาได้ที่นี่ครับ  http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ชีวิตที่ฟื้นฟู (9)

องค์ประกอบ 5 อย่างของการฟื้นฟู

4. คริสเตียนยกพระเยซูเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์

ไม่ใช่เพียงแค่สรรเสริญด้วยปาก แต่ในชีวิต ยกย่องพระเยซู ยำเกรงพระองค์ ยกให้พระองค์เป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์อย่างแท้จริง

พระเยซูเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์จริง ๆ ใช่หรือไม่? ข้าพเจ้าจะขอถามอีกครั้งหนึ่ง พระเยซูเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์จริง ๆ ในชีวิตของท่านหรือไม่?

พี่น้อง ฟังดี ๆ ถ้าคริสเตียนยกพระเยซูเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์จริง ๆ คริสตจักรจะไม่เป็นเช่นนี้ คริสเตียนแต่ละคนจะไม่เป็นเช่นนี้

ตอนนี้ 3 ทุ่ม 10 นาที ถ้าเวลานี้ สำนักพระราชวังโทรมาสั่งให้ข้าพเจ้าเข้าเฝ้า 5 ทุ่มด่วน ข้าพเจ้าก็จะพยายามด้วยทุกวิถีทางเพื่อเข้าเฝ้ากษัตริย์ที่ผมรัก แต่คริสเตียนที่บอกว่าพระเยซูเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริ์ย์ แต่กลับมานมัสการสาย

เคยเห็นในหลวงเวลาพระราชทานพระราชโอวาทใช่หรือไม่? แม้ว่าพระองค์จะกล่าวช้า ๆ บรรยากาศเย็น ๆ ซึ่งน่าหลับ แต่ก็ไม่มีใครกล้าหลับสักคน เพราะเหตุไร? ก็เพราะเขาสำนึกว่าพวกเขากำลังฟังในหลวง แต่คริสเตียนที่บอกว่าพระเยซูเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ กลับหลับเวลาเทศนา

เคยเห็นเวลาคนถวายสิ่งใดให้ในหลวงหรือไม่? พวกเขาจะภูมิใจ แต่เวลาพวกเราถวายทรัพย์ให้กับพระเจ้า เรากลับพยายามหาแบงค์ที่ราคาถูกที่สุด

ใครเคยนับเงินถุงถวายหรือไม่? บางแบงค์จะถูกกำแน่น

โหราจารย์ถวายทองคำ กำยาน มดยอบ ให้กับพระบุตร แต่พวกนี้ "ทองคำ กำนาน งดมอบ" ถ้าทูตสวรรค์ไม่แกะมือ คงจะไม่หลุด

ถ้าอยากให้เกิดการฟื้นฟู คริสเตียนทุกคนจะต้องยกพระองค์เป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ เชื่อฟัง ยำเกรง

 

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์

สรุปคำเทศนาฟื้นฟู คริสตจักรโมทนา ลำปาง

เมื่อวันที่ 28-29/06/2009

จาก http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

 

หมายเหตุ:

  • ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ
  • สามารถฟังบันทึกคำเทศนาได้ที่นี่ครับ  http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ชีวิตที่ฟื้นฟู (8)

องค์ประกอบ 5 อย่างของการฟื้นฟู

3. คริสเตียนเลียนแบบชีวิตจากพระเจ้า

เพราะ​ฉะนั้น​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​เลียน​แบบ​ของ​พระ​เจ้า​ให้​สม​กับ​เป็น​บุตร​ที่​รัก (เอเฟซัส 5:1 THSV2011)

สุภาษิตจีน ประโยคหนึ่ง กล่าวว่า "บิดาซึ่งเป็นพยัคฆ์ ย่อมไร้ซึ่งสุนัขเป็นลูก"

ถ้าพระบิดาของเราเป็นพยัคฆ์ เราซึ่งเป็นลูกของพระองค์จะต้องเป็นพยัคฆ์

จะฟื้นฟูได้ พ่อเป็นพยัคฆ์ ลูกก็ต้องเป็นพยัคฆ์

ถ้าสุนัขอยากเป็นเสือแล้วเอาหนังเสือมาคลุมก็คงจะแปลก

พี่น้อง ถ้าอยากให้เกิดการฟื้นฟู เราจะต้องมีชีวิตที่เลียนแบบพระเจ้า สำแดงชีวิตของพระเจ้าออกมา

เราทั้งหลายเป็นพระฉายาของพระเจ้าใช่หรือไม่?

ถ้ามีคนบอกว่าเราหน้าเหมือนลิง จะชอบหรือไม่? แล้วถ้าบอกว่าหน้าเหมือนคนจะชอบหรือไม่?

ถ้าหน้าเหมือนลิง แสดงว่าไม่ใช่ลิง แค่หน้าเหมือน แต่ถ้าบอกว่าหน้าเหมือนคน ก็แสดงว่าไม่ใช่คน แค่หน้าเหมือนคน

ดังนั้น ถ้ามีคนบอกว่าหน้าเหมือนลิง ข้าพเจ้าก็อาจจะไม่ค่อยพอใจ แต่อาจจะดีใจว่าอย่างน้อยก็ไม่ใช่ลิง แต่ถ้าบอกว่าข้าพเจ้าหน้าเหมือนคน ข้าพเจ้าคงจะเตะก้านคอคนนั้น

เราไม่ได้เป็นพระฉายาของพระเจ้า เราถูกสร้างตามอย่างพระฉายาของพระเจ้า

ใครคือพระฉายาของพระเจ้า?

พระ​คริสต์​ทรง​เป็น​พระ​ฉายา​ของ​พระ​เจ้า​ผู้​ไม่​ทรง​ปรา​กฏ​แก่​ตา ทรง​เป็น​บุตร​หัวปี​เหนือ​ทุก​สิ่ง​ที่​ทรง​สร้าง (โคโลสี 1:15 THSV2011)

และ​สวม​วิสัย​มนุษย์​ใหม่ที่​กำ​ลัง​ได้​รับ​การ​สร้าง​ขึ้น​ใหม่ตาม​พระ​ฉายา​ของ​พระ​องค์​ผู้​ทรง​สร้างเพื่อ​ให้​รู้​จัก​พระ​เจ้า (โคโลสี 3:10 THSV2011)

พระเยซูคริสต์เป็นพระฉายาของพระเจ้า เราไม่ใช่ แต่เรากำลังถูกสร้างตามอย่างพระฉายาของพระเจ้า

ดังนั้น จะเกิดการฟื้นฟูได้ คริสเตียนจะต้องมีชีวิตเลียนแบบองค์พระเยซูคริสต์

ถ้าพี่น้องทุกท่านเลียนแบบพระเยซูคริสต์ จะเกิดการฟื้นฟูแน่นอน

 

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์

สรุปคำเทศนาฟื้นฟู คริสตจักรโมทนา ลำปาง

เมื่อวันที่ 28-29/06/2009

จาก http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

 

หมายเหตุ:

  • ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ
  • สามารถฟังบันทึกคำเทศนาได้ที่นี่ครับ  http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ชีวิตที่ฟื้นฟู (7)

องค์ประกอบ 5 อย่างของการฟื้นฟู

2. การสารภาพความผิดบาปอย่างสิ้นเชิง

พระ​องค์​ท่าน​จะ​ทรง​หวน​กลับ​มา​เมต​ตา​เรา​อีก และ​จะ​ทรง​เหยียบ​ความ​ผิด​ทั้ง​หลาย​ของ​เรา​ไว้
พระ​องค์​จะ​ทรง​เหวี่ยง​บาป​ทั้ง​สิ้น​ของ​เราลง​ไป​ใน​ที่​ลึก​ของ​ทะเล (มีคาห์ 7:19 THSV2011)

ถ้าอยากให้เกิดการฟื้นฟู สารภาพบาปกับพระเจ้า เมื่อคุณสารภาพบาป พระเจ้าจะเหยียบบาปของเราไว้ และเหวี่ยงบาปของเราไว้ในทะเล

นี่หมายถึงอะไร? หมายถึงว่า บาปของเราจะไม่มีวันได้รับการจดจำอีกเลย

เมื่อพระเจ้าเหยียบบาปของเราไว้ ก็จะไม่มีใครยกเท้าของพระเจ้าได้ เพราะพระเจ้าของเรายิ่งใหญ่ จงจำไว้ตลอดชีวิต

โลกนี้ก็เป็นเพียงแค่ที่รองพระบาทของพระองค์ แล้วมนุษย์เมื่อเทียบกับพระบาทของพระองค์จะเล็กเพียงไร คงจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ดังนั้นเมื่อพระองค์ทรงเหยียบบาปของเราไว้ จะไม่มีการจดจำอีกเลย

พระคัมภีร์กล่าวว่า "พระองค์จะทรงเหวี่ยงบาปทั้งหลายของเราไปที่ลึกของทะเล" เวลาพระองค์บันทึกถ้อยคำ มนุษย์เถียงไม่ได้เลย คำว่า "ที่ลึกของทะเล" ภาษายิว แปลว่า "ที่ลึกสุดของทะเล"

ทำไมไม่เหวี่ยงไปบนภูเขาสูง? เพราะพวกฝรั่งชอบปีนเขา พวกเขาก็จะปีนแล้วไปเจอ

ดังนั้นทรงเหวี่ยงไปที่ลึกของทะเล ซึ่งอยู่แถวหมู่เกาะฟิลิปปินส์

ภูเขาที่สูงที่สุดในโลก สูง 9 กม. แต่ทะเลที่ลึกที่สุด จะลึกกว่าความสูงของภูเขาที่สูงที่สุดประมาณ 4 กม.กว่า ๆ ทะเลยิ่งลึกแรงดันจะยิ่งสูง เมื่อลึกกว่า 5 กม. จะไม่มีใครอยู่ได้ และจะมืดสนิท ไม่มีใครหาบาปของเราเจอเลย

ทุกเช้าตื่นมา แม้ว่าขี้ตาจะเล็กน้องเพียงไร คงจะไม่มีใครเก็บไว้ รอให้เขรอะแล้วค่อยแคะ

ถ้าอยากให้เกิดการฟื้นฟู ขอพระเจ้าชำระความผิดบาปของเราทุกวัน

 

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์

สรุปคำเทศนาฟื้นฟู คริสตจักรโมทนา ลำปาง

เมื่อวันที่ 28-29/06/2009

จาก http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

 

หมายเหตุ:

  • ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ
  • สามารถฟังบันทึกคำเทศนาได้ที่นี่ครับ  http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ชีวิตที่ฟื้นฟู (6)

องค์ประกอบ 5 อย่างของการฟื้นฟู

1. คริสเตียนกลับสู่ความจริงแห่งพระคำของพระเจ้า (4)

ครั้งหนึ่ง พระเยซูเล่าว่า มีพี่น้อง 2 สี เดินเข้าไปในวิหาร เพื่ออธิษฐาน ได้แก่ ฟาริสี และคนเก็บภาษี

9 สำ​หรับ​บาง​คน​ที่​เชื่อ​มั่น​ใน​ตัว​เอง​ว่า​เป็น​คน​ชอบ​ธรรม​และ​ดู​หมิ่น​คน​อื่น​นั้น พระ​องค์​ตรัส​อุป​มา​นี้​ว่า
10 "มี​สอง​คน​ขึ้น​ไป​อธิษ​ฐาน​ใน​บริ​เวณ​พระ​วิหาร คน​หนึ่ง​เป็น​ฟา​ริสี​และ​คน​หนึ่ง​เป็น​คน​เก็บ​ภาษี
11 คน​ที่​เป็น​ฟา​ริสี​นั้น​ยืน​อยู่​คน​เดียว​อธิษ​ฐาน​ว่า 'ข้า​แต่​พระ​เจ้า ข้า​พระ​องค์​ขอบ​พระ​คุณ​พระ​องค์​ที่​ข้า​พระ​องค์​ไม่​เหมือน​คน​อื่น​ที่​เป็น​คน​ฉ้อ​โกง เป็น​คน​อธรรม และ​เป็น​คน​ล่วง​ประ​เวณี และ​ไม่​เหมือน​คน​เก็บ​ภาษี​คน​นี้
12 ข้า​พระ​องค์​ถือ​อด​อาหาร​สอง​วัน​ต่อ​สัป​ดาห์ และ​สิ่ง​สาร​พัด​ที่​ข้า​พระ​องค์​หา​ได้ ข้า​พระ​องค์​ก็​เอา​ทศางค์​มา​ถวาย​เสมอ'
13 ส่วน​คน​เก็บ​ภาษี​นั้น​ยืน​อยู่​แต่​ไกล ไม่​ยอม​แม้​แต่​แหงน​หน้า​ดู​ฟ้า แต่​ตี​อก​ชก​ตัว​กล่าว​ว่า 'ข้า​แต่​พระ​เจ้า ขอ​ทรง​เมต​ตา​แก่​ข้า​พระ​องค์​ผู้​เป็น​คน​บาป​เถิด'
14 เรา​บอก​พวก​ท่าน​ว่า คน​นี้​แหละ​เมื่อ​กลับ​ลง​ไป​ถึง​บ้าน​ของ​ตน​ก็​ถูก​นับ​ว่า​เป็น​คน​ชอบ​ธรรม ไม่​ใช่​อีก​คน​หนึ่ง​นั้น เพราะ​ว่า​ทุก​คน​ที่​ยก​ตัว​ขึ้น​จะ​ต้อง​ถูก​เหยียด​ลง แต่​ทุก​คน​ที่​ถ่อม​ตัว​ลง​จะ​ได้​รับ​การ​ยก​ขึ้น" (ลูกา 18:9-14 THSV2011)

เวลาฟาริสีออกนอกบ้าน จะแต่งตัว pharisee form เดินแบบ pharisee style เวลาอธิษฐานก็จะ pharisee action เวลาส่งเสียงก็จะส่งเสียง pharisee voice

ถ้าเวลานั้นมีผู้สื่อขาว ก็คงจะถาม "เวลาท่านอธิษฐาน ทำไมต้องแหกปาก"

ฟาริสีตอบ "พอใจ"

ผู้สื่อข่าวถามต่อ "อธิษฐานเงียบ ๆ ในห้อง พระเจ้าฟังหรือเปล่า ทำไมต้องแหกปาก?"

ฟาริสีตอบ "พระเจ้าก็ฟัง แต่คนไม่ได้ยิน"

พวกเขาอธิษฐานเพื่อให้คนได้ยิน

"ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์ไม่เหมือนมัน"

ทำไมจึงอธิษฐานอย่างนี้? คนเราจะขอบพระคุณต้องมีสาเหตุ นี่ไม่ใช่ขอบคุณพระเจ้า แต่มันเป็นการฟ้องคนอื่น และประกาศตัว

พระเยซูตรัสบอกว่า "ฟาริสีคนนี้ อธิษฐานพูดกับตัวเองว่า ...." (พระคัมภีร์ฉบับ King James Version ใช้คำว่า prayed with himself ซึ่งแปลว่า อธิษฐานกับตัวเอง)

อธิษฐานต้องพูดกับพระเจ้า แต่พวกเขาพูดกับตัวเอง

คำอธิษฐานของพวกเขา พระเจ้าไม่ฟัง น่าสมเพศ ถวายทรัพย์แล้วพระเจ้าไม่รับ ก็น่าสมเพศ เทศนาแล้วพระเจ้าไม่อยู่ด้วยก็น่าสมเพศ

แต่คนเก็บภาษี ไม่กล้าเข้าใกล้พระวิหาร ยืนแต่ไกล เอามือทุบอก

"พระเจ้า โปรดเมตตาข้าพระองค์ซึ่งเป็นคนบาปด้วย"

สั้น ๆ แต่พระเยซูตรัสว่า "คนที่ยก​ตัว​ขึ้น​จะ​ต้อง​ถูก​เหยียด​ลง แต่​​คน​ที่​ถ่อม​ตัว​ลง​จะ​ได้​รับ​การ​ยก​ขึ้น"

พวกเราเป็นคนบาป แต่พระเจ้าก็รักเรา!

 

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์

สรุปคำเทศนาฟื้นฟู คริสตจักรโมทนา ลำปาง

เมื่อวันที่ 28-29/06/2009

จาก http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

 

หมายเหตุ:

  • ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ
  • สามารถฟังบันทึกคำเทศนาได้ที่นี่ครับ  http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ชีวิตที่ฟื้นฟู (5)

องค์ประกอบ 5 อย่างของการฟื้นฟู

1. คริสเตียนกลับสู่ความจริงแห่งพระคำของพระเจ้า (3)

คริสเตียนหลายคน ไม่ศึกษาความจริง แล้วทุ่มตัวเองกับสิ่งนั้น ในที่สุด เขาก็ต้องผิดหวัง

"บุคคลหรือสิ่งที่คุณเชื่อ กำหนดคุณค่าความเชื่อของคุณ"

หญิงคนหนึ่ง รักชายคนหนึ่ง ถ้าชายคนนั้นไว้ใจได้ การทุ่มเท การมอบกายใจให้กับเขา ก็ไม่ไร้ค่า แต่หากชายคนนั้นไว้ใจไม่ได้ การทุ่มเทก็เสียเปล่า

เปาโลเคยทุ่มชีวิตให้กับความเชื่อของเขา แต่วันหนึ่งเมื่อเขารู้จักพระเยซู เขาก็ตัดสินใจทุ่มชีวิตทั้งชีวิตให้กับพระองค์

ระวังให้ดีว่าคุณจะทุ่มเทโดยเปล่าประโยชน์ เพราะทุ่มเทในสิ่งที่ผิด

ข้าพเจ้าอ่านเจอใบปลิวหนึ่ง เขียนถึงเรื่องราวของสมเด็จพระสุริโยทัย ด้วยความรัก พระองค์จึงยอมตายแทนพระสวามี เหมือนกับพระคริสต์ที่ได้เสด็จมาตายแทนเรา ไม่อยากให้พวกเราตาย นี่เป็นคำสอนที่ดีหรือไม่? การเปรียบเทียบเช่นนี้ไม่ดี

มีภาพวาด 2 ภาพ

ภาพแรก เป็นภาพของพระเยซูที่ถ่ายรูปร่วมกับพวกเรา แต่ละคนแต่งตัวอย่างดี และมีคำอธิบายใต้ภาพว่า Grace นี่เป็นพระคุณจริง ๆ เป็นภาพแห่งพระคุณ ดังเช่นหากในหลวงซึ่งเป็นที่รักของเราทั้งหลายมาถ่ายรูปร่วมกับเรา นั่นก็เป็นพระคุณจริง ๆ แต่นี่เป็นพระคุณเฉย ๆ ไม่ใช่ Amazing Grace (พระคุณมหัศจรรย์) เพราะคนเหล่านั้นที่พระเยซูถ่ายรูปด้วย สวย ๆ หล่อ ๆ ทั้งนั้น ถ้าท่านเจอคนเหล่านี้ท่านจะเดินหนีหรือไม่? คงจะไม่มีใครเดินหนีหรอก

ภาพถัดไป เป็น Amazing Grace จริง ๆ คือ เป็นภาพที่พระองค์ถ่ายรูปร่วมด้วยกับพวกติดยาเสพติด รักร่วมเพศ พวกพังค์ พวกฝังตุ้มฝังห่วงตามที่ต่าง ๆ พวกขี้เหล้าเมายา พวกเป็นโรคเรื้อน โรคเอดส์ พวกนักร้องพันธุ์ร็อค ผู้ก่อการร้าย เด็กอัฟริกา โสเภณี ขอทาน ถ้าเจอคนเหล่านี้ คงจะไม่มีใครเข้าใกล้ คงจะเดินหนี คนเหล่านี้เป็นที่รังเกียจ แต่คนกลุ่มนี้เป็นคนที่พระเจ้ารัก

สมเด็จพระสุริโยทัย ยอมตายแทนพระสวามีเป็นเรื่องธรรมดา เพราะภรรยายอมตายแทนสามีก็เพราะเธอรักเขา แต่พระเยซูคริสต์ยอมตายแทนพวกเรา ซึ่งเป็นคนบาป

ข้าพเจ้าขอถามพี่น้องว่า เราที่นั่งอยู่ที่นี่ อยู่ในภาพของ Grace หรือ Amazing Grace? จริงหรือเปล่าที่ตอบเช่นนั้น?

 

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์

สรุปคำเทศนาฟื้นฟู คริสตจักรโมทนา ลำปาง

เมื่อวันที่ 28-29/06/2009

จาก http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

 

หมายเหตุ:

  • ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ
  • สามารถฟังบันทึกคำเทศนาได้ที่นี่ครับ  http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ชีวิตที่ฟื้นฟู (4)

องค์ประกอบ 5 อย่างของการฟื้นฟู

1. คริสเตียนกลับสู่ความจริงแห่งพระคำของพระเจ้า (2)

ก่อนข้าพเจ้าเป็นคริสเตียน ข้าพเจ้าด่าพ่อด่าแม่ มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งในครอบครัว แต่หลังจากที่ข้าพเจ้าได้กลับใจ เชื่อพระเยซู ข้าพเจ้าได้รับการเปลี่ยนแปลง

เมื่อข้าพเจ้าเชื่อใหม่ ๆ ข้าพเจ้าโดนผู้สอนผิดมาหลอกลวง สอนว่า หากบ้านของข้าพเจ้ามีการทะเลาะเบาะแว้ง มีปัญหา แสดงว่ามีอำนาจของผีมารซาตานอยู่ ให้เผาทิ้งให้หมด ข้าพเจ้าก็ค้นรูปของพ่อแม่ ฟิล์มต่าง ๆ โอ่งมังกร และนำมาเผาและทุบทิ้งทั้งหมด

แต่แม้จะทำเช่นนั้นแล้ว ก็ยังคงมีการทะเลาะเบาะแว้ง จนเมื่อข้าพเจ้าเรียนพระคัมภีร์จบ ข้าพเจ้าจึงได้รู้ว่าโดนหลอก รู้สึกตัวเมื่อสายเสียแล้ว เมื่ออยากได้รูปของพ่อแม่ตอนหนุ่ม ๆ สาว ๆ ก็หาไม่ได้เสียแล้ว

เขาเอาความคิดของเขามาสอน ไม่ได้เอาพระคำของพระเจ้ามาสอน

เพราะ​ฉะนั้น การ​กิน​อา​หาร​ที่​บูชา​รูป​เคารพ​นั้น เรา​รู้​อยู่​แล้ว​ว่า "รูป​เคารพ​ใน​โลก​นี้​เป็น​สิ่ง​ไร้​สาระ" และ "มี​พระ​เจ้า​แท้​จริง​เพียง​องค์​เดียว" (1 โครินธ์ 8:4 THSV2011)

สมัยนั้น ผู้คนเอาเนื้อไปไหว้รูปเคารพก่อน แล้วค่อยเอามาขาย แต่เปาโลบอกว่า รูปเคารพนั้นไม่ใช่สื่อของมารเลย ให้คุณให้โทษไม่ได้

เงินฮ่องกง เต็มไปด้วยลายมังกร ถ้าเป็นเช่นนั้นคงจะต้องเผาทิ้งทั้งหมด

คนไทยภาคอีสานชอบเลข 9 จะได้ก้าวหน้า และเกลียดเลข 6 เพราะหกล้ม และไม่ชอบ 13 เพราะเป็นเลขไม่ดี ศุกร์ 13 ผีหลอก

ข้าพเจ้าจึงถามว่า "ถ้าจะให้ 9 ล้าน กับ 13 ล้าน จะเอาอันไหน"

เขาก็คิด และตอบว่า "13 ล้าน ได้เพิ่ม 4 ล้าน แม้จะซวยก็เอา"

พี่น้อง อย่างมงาย ถ้าอยากให้เกิดการฟื้นฟู จะต้องกลับสู่ความจริงแห่งพระคำ จะต้องรู้ว่าพระคัมภีร์กล่าวว่าอย่างไร

ให้เรามี faith in the bible คือความเชื่อในพระคัมภีร์ ไม่ใช่ faith in faith หรือความเชื่อในความเชื่อของคุณเอง

ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่าง faith in faith วันหนึ่งเมื่อคริสเตียนคนหนึ่งอธิษฐาน เขารู้สึกว่าพระเจ้าตรัสกับเขา เขารู้สึกว่าได้ยินเสียงของพระเจ้า จึงนำประสบการณ์นั้นมาแบ่งปันที่คริสตจักร สิ่งนี้พิสูจน์ไม่ได้ว่ามาจากพระเจ้า คิดไปเอง หรือมาจากผี นี่เป็นความเชื่อในความเชื่อของเขาเอง

ดังนั้น เราจะต้องเชื่อในพระคำของพระเจ้า

faith in faith จะนำเราออกจากความจริง ทำให้เราถูกซัดไปเซมาด้วยคำของมนุษย์

ถ้าอยากให้เกิดการฟื้นฟู เราจะต้องรู้ว่าอะไรคือความจริง แล้วทุ่มชีวิตกับสิ่งนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จะไม่มีคำว่าสูญเสีย เปล่าประโยชน์ หรือไร้ค่า

 

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์

สรุปคำเทศนาฟื้นฟู คริสตจักรโมทนา ลำปาง

เมื่อวันที่ 28-29/06/2009

จาก http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

 

หมายเหตุ:

  • ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ
  • สามารถฟังบันทึกคำเทศนาได้ที่นี่ครับ  http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ชีวิตที่ฟื้นฟู (3)

องค์ประกอบ 5 อย่างของการฟื้นฟู

ถ้าอยากให้เกิดการฟื้นฟู ต้องเริ่มจากตัวท่าน การฟื้นฟูจะเกิดขึ้นได้ จะต้องมีองค์ประกอบ 5 อย่างต่อไปนี้

1. คริสเตียนกลับสู่ความจริงแห่งพระคำของพระเจ้า (1)

คริสเตียนหลายคนไม่ยอมเข้าสู่ความจริงของพระคำของพระเจ้า แต่หลงกลคำพูดของอาจารย์ที่สอน เชื่อตามคำพูดของคำสอนเทียมเท็จ

คำถามสำหรับทดสอบ

1. วันที่พระเยซูถูกตรึงที่ไม้กางเขน มีโจรกี่คนถูกตรึงกับพระองค์? คำตอบก็คือ 2 คน ข้างขวาคนหนึ่ง และข้างซ้ายอีกคนหนึ่ง

2. มีโจร 2 คน โจรกี่คนที่ด่าพระเยซูในวันนั้น? หลายคนอาจตอบว่า 1 คน แต่นั่นเป็นคำตอบที่ผิด ไม่ใช่ 1 คน

31 ท่าม​กลาง​พวก​หัว​หน้า​ปุโร​หิต​กับ​พวก​ธรร​มา​จารย์​ก็​มี​การ​เยาะ​เย้ย​พระ​องค์​เหมือน​กัน​ว่า "เขา​ช่วย​คน​อื่น​ให้​รอด​ได้ แต่​ช่วย​ตัว​เอง​ไม่​ได้
32 ขอ​เชิญ​พระ​คริสต์​กษัตริย์​แห่ง​อิส​รา​เอล​ลง​มา​จาก​กาง​เขน​เดี๋ยว​นี้​เถอะ พวก​เรา​จะ​ได้​เห็น​และ​เชื่อ" และ​สอง​คน​นั้น​ที่​ถูก​ตรึง​พร้อม​กับ​พระ​องค์​ก็​กล่าว​คำ​หยาบ​ช้า​ต่อ​พระ​องค์ (มาระโก 15:31-32 THSV2011)

ทำไมจึงรู้ว่าเป็นโจร 2 คนที่ด่าพระเยซู? ก็เพราะพระคัมภีร์บอก

การฟื้นฟูจะเกิดได้ คริสเตียนต้องกลับสู่พื้นฐานความจริงจากพระคัมภีร์ ถ้าสิ่งใดไม่ใช่จากพระคำ ให้ทิ้งไปเสีย

โจร 2 คนด่าพระเยซูคริสต์ ทั้ง 2 คนพูดเหมือนกันว่า "ถ้าท่านเป็นบุตรของพระเจ้าจริง ให้ทำการอัศจรรย์ให้ดูหน่อย จะได้เชื่อ" พวกเขาพูดตามคนที่อยู่ข้างล่าง

พระเยซูตอบอะไรหรือไม่? ข้าพเจ้าคิดเล่น ๆ ถ้าวันนั้นเป็นข้าพเจ้า เรื่องจะไม่จบเช่นนี้ หากข้าพเจ้าโดนด่าเช่นนั้น ข้าพเจ้าจะขอพระเจ้า 5 นาที ลงไปเตะปากพวกเขา แต่พระเยซูทำเช่นนั้นหรือไม่? ไม่เลย!

สิ่งอัศจรรย์ที่สุด ที่พระองค์ทำในชีวิตของพระองค์คืออะไร? สิ่งอัศจรรย์ที่สุด คือสิ่งนี้ คือ การที่พระองค์ผู้ทรงสามารถทำการอัศจรรย์ได้ แต่ไม่ทำ

ตอนบ่าย โจรบนไม้กางเขนคนหนึ่งเชื่อในพระเยซู เขาไม่เห็นอะไรเลย เห็นแค่ว่าตัวเองเป็นคนบาปสมควรตาย และพระเยซูไม่มีบาปมาตายแทนเขา นี่คือพื้นฐานจากความจริงแห่งพระคำ

ช่วงไม่นานมานี้มีหนังสือจากฮ่องกง คือ 7 อันตราย ซึ่งเหมือนกับที่ข้าพเจ้าได้คิดวิเคราะห์ ข้าพเจ้าจะแบ่งปันเรื่องนี้ในวันถัดไป

หลายคนอยากให้คริสตจักรเกิดการฟื้นฟู แต่ไม่ยึดหลักความจริงแห่งพระคำของพระเจ้า

 

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์

สรุปคำเทศนาฟื้นฟู คริสตจักรโมทนา ลำปาง

เมื่อวันที่ 28-29/06/2009

จาก http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

 

หมายเหตุ:

  • ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ
  • สามารถฟังบันทึกคำเทศนาได้ที่นี่ครับ  http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ชีวิตที่ฟื้นฟู (2)

ความหมายของการฟื้นฟู

12 ปีมานี้ ข้าพเจ้าได้เทศนาฟื้นฟูหลายครั้ง และหลายครั้งที่คริสเตียนก็จะป่าวประกาศว่า "ฟื้นฟู ฟื้นฟู" ทั้ง ๆ ที่ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า "ฟื้นฟู"

มนุษย์ไม่สามารถทำให้เกิดการฟื้นฟูได้แม้แต่น้อย นี่เป็นพระราชกิจของพระเจ้าเท่านั้น มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทำได้

ดังนั้น เมื่อพี่น้องจัดงานฟื้นฟู อย่าพูดหลังประชุมว่า "ฟื้นฟูแล้ว ฟื้นฟูแล้ว" การฟื้นฟูมาจากพระเจ้าเท่านั้น

ฟื้นฟูคืออะไร?

อย่างให้พี่น้องเข้าใจว่า ร้อนรน ไม่ใช่ร้อนแรง ร้อนแรงไม่ใช่ร้อนรน

เป้าหมายของการฟื้นฟู ไม่ใช่ให้คริสเตียนร้อนแรง แต่ทำให้คริสเตียนร้อนรน

ร้อนรนคืออะไร?

พระเจ้าสร้างให้เรามีอุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส เราทุกคนมีไฟ มีการเผาผลาญ ทุกวันเราสูดอากาศเข้าไป ซึ่งมีออกซิเจน และเมื่อเผาผลาญก็กลายคาร์บอนไดออกไซด์

คนหนึ่ง มาถามข้าพเจ้าว่า "ถ้าผมไม่เชื่อพระเจ้า พระเจ้าจะเป็นอะไรไหม ผมจะเป็นอะไรไหม"

คำตอบก็คือ หากคุณไม่เชื่อพระเจ้า พระเจ้าไม่เป็นอะไรหรอก แต่คุณจะเป็นอย่างไร

นี่หมายถึงเช่นไร?

วันหนึ่ง อากาศพูดกับชาวโลกเช่นนี้ "ชาวโลกทั้งหลาย พวกท่านต้องสูดเราเข้าไปในตัว ถ้าท่านไม่สูดเราเข้าไปในตัว ท่านจะต้องตาย"

มนุษย์คนหนึ่ง ลุกขึ้นมาบอกว่า "หยิ่งจองหองจริง ๆ วันนี้ ข้าจะไม่สูดเจ้าเข้าไปในตัว ดูสิเจ้าจะเป็นอย่างไร"

อากาศคงจะตอบว่า "ขอโทษครับ ถ้าคุณไม่สูดผมเข้าไปในตัว ผมไม่เป็นอย่างไรหรอก แต่คุณสิจะเป็น"

ดังนั้น เป้าหมายการฟื้นฟู คือ ทำให้คริสเตียน เป็นคริสเตียนที่ปกติ มีอุณหภูมิ 37 องศา กลับมาสู่สภาพเดิมที่พระเจ้าอยากให้เป็น

แต่หลายครั้ง หลังการฟื้นฟู กลายเป็นคริสเตียนร้อนแรง กลับมามีอุณหภูมิ 45 องศา ซึ่งนั่นแปลว่าป่วย

 

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์

สรุปคำเทศนาฟื้นฟู คริสตจักรโมทนา ลำปาง

เมื่อวันที่ 28-29/06/2009

จาก http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

 

หมายเหตุ:

  • ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ
  • สามารถฟังบันทึกคำเทศนาได้ที่นี่ครับ  http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

ชีวิตที่ฟื้นฟู (1)

เวลาดูหนัง ตำแหน่งที่ดีที่สุด คือด้านหลัง แต่เวลาฟังเทศน์ ที่ที่ดีที่สุด คือด้านหน้า

8-9 ปีก่อน ข้าพเจ้าเป็นวิทยากรค่ายแห่งหนึ่ง มีเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ถือกีตาร์มา แล้วถามข้าพเจ้าว่า "พระเยซูใช้แปรงสีฟันกี่อัน"

ข้าพเจ้าก็ตอบว่า "พระคัมภีร์ไม่ได้กล่าวถึงว่าพระเยซูใช้แปรงสีฟันกี่อัน"

เด็กคนนั้นจึงตอบว่า "มีสิ อาจารย์ลองฟังเพลงนี้ดูนะ"

"วันเวลาที่เปลี่ยนไป พระองค์ไม่เปลี่ยนแปร(ล)ง"

ข้าพเจ้าจึงถือกีตาร์เช่นกัน แล้วเถียงว่า "เปลี่ยนสิ พระองค์เปลี่ยนแปลง"

"ชีวิตที่มีพระเยซู พระองค์ทรงเปลี่ยนแปร(ล)ง หนทางชีวิตใหม่ ที่เคยผิดพลั้งไป เปลี่ยนเป็นความชื่นชมยินดี เมื่อมีพระองค์เคียงข้างเรา"

(http://youtu.be/G4Tf1eVfxHE)

นี่เป็นเพลงที่ใช้ในการประกาศ ซึ่งพี่น้องสามารถเผยแพร่ได้ แต่อย่าขาย

ข้าพเจ้ามีหนังสือที่เขียนไว้ ชื่อว่า "10 คำทำนายสะท้ายโลก ฉบับขยะ" ช่วงนี้เป็นโลกยุคสุดท้าย และซาตานทำงานอย่างหนักด้วย พี่น้องทราบหรือไม่ ปัจจุบันซาตานแทรกแซงเข้าในคริสตจักรของพระเจ้าด้วย

พี่น้องทุกท่านที่นี่ ทุกคนมีมือถือ เวลานี้ซาตานได้เข้ามาในคริสตจักรของพระเจ้า แล้วผลิตมือถือยี่ห้อหนึ่ง

มือถือมีหลายยี่ห้อ โซนี่ ซัมซุง แอลจี ฯลฯ คริสเตียนจะถือมือถือยี่ห้อไหนก็ได้ แต่อย่าถือมือถือยี่ห้อนี้ คือ มือถือสาก ปากถือศีล

เวลาเทศนา ขอพี่น้องปิดเครื่องมือสื่อสาร หรือเปลี่ยนเป็นระบบสั่น

คริสตมาส 2 ปีที่ผ่านมา ขณะเทศนา มีมือถือของคนหนึ่งดังขึ้นมา เป็นเพลง Jingle bell ก็พอไปได้ ข้าพเจ้าจึงบอกว่า "ขนาดมือถือยังร่วมฉลองคริสตมาสเลย"

แต่ข้าพเจ้าก็คิดว่า หากนี่เป็นงานไว้อาลัย แล้วเสียงมือถือขึ้นมาเป็นเพลง "อยากให้ฉันอยู่กับเธอไหม อยากให้ฉันอยู่ด้วยไหมเธอ" สถานการณ์จะเป็นอย่างไร

พฤหัสที่ผ่านมา ข้าพเจ้าตื่นมาตีสี่กว่า และได้ยินข่าวว่า ไมเคิล แจ๊คสัน เสียชีวิตแล้ว และมีการรายงานข่าวนี้ทั้งวัน โทรทัศน์บางช่องของอเมริกาหยุดการถ่ายทอดปกติ เพื่อถ่ายทอดเกี่ยวกับ ไมเคิล แจ๊คสัน โดยเฉพาะ

ข้าพเจ้าอดสันนิษฐานไม่ได้ว่า หนังสือพิมพ์ฉบับนั้น อาจจะมีข่าวการเสียชีวิตของคริสเตียนคนหนึ่งอยู่ในกรอบเล็ก ๆ ที่หนังสือพิมพ์หน้าหลัง ๆ

พี่น้องไม่ต้องแปลกใจ เพราะนี่เป็นหนังสือพิมพ์ฉบับของโลก

แต่หนังสือพิมพ์ฉบับสวรรค์ จะต่างกันไป ข่าวใหญ่จะเป็น "คนของพระเจ้าจะกลับสวรรค์แล้ว ทูตสวรรค์เตรียมต้อนรับ" ข่าว ไมเคิล แจ๊คสันจะเป็นเพียงข่าวเล็กนิดเดียว

พระคัมภีร์กล่าวว่า เมื่อคนหนึ่งกลับมาหาพระเจ้า ทูตสวรรค์จะร่วมกันชื่นชมยินดี

เมื่อข้าพเจ้ายินไมเคิลแจ๊คสันตาย ข้าพเจ้าคิดถึงสดุดี 116:15

ความ​ตาย​ของ​ผู้​จงรัก​ภักดี​ต่อ​พระ​องค์ สำ​คัญ​ใน​สาย​พระ​เนตร​พระ​ยาห์​เวห์ (สดุดี 116:15)

การตายของคริสเตียน สำคัญมากในสายพระเนตรของพระเจ้า

 

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์

สรุปคำเทศนาฟื้นฟู คริสตจักรโมทนา ลำปาง

เมื่อวันที่ 28-29/06/2009

จาก http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html

 

หมายเหตุ:

  • ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ
  • สามารถฟังบันทึกคำเทศนาได้ที่นี่ครับ  http://ot-nt.blogspot.co.uk/2010/10/blog-post_03.html