วันพุธที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2554

คริสตจักรแห่งพระพร (1/3)


1 แล้วท่านก็นำข้าพเจ้ากลับมาที่ประตูพระวิหาร และดูเถิด มีน้ำไหลออกมาจากใต้ธรณีประตูพระวิหาร ตรงไปทางทิศตะวันออก (เพราะพระวิหารหันหน้าไปทางทิศตะวันออก) และน้ำไหลลงมาจากข้างล่าง ปลายใต้ของธรณีประตูพระวิหาร ทิศใต้ของแท่นบูชา
2 แล้วท่านจึงนำข้าพเจ้าออกมาทางประตูเหนือ และนำข้าพเจ้าอ้อมไปภายนอกถึงประตูชั้นนอก ซึ่งหันหน้าไปทางตะวันออก และน้ำนั้นออกมาทางด้านใต้
3 ชายผู้นั้นได้เดินไปทางตะวันออกมีเชือกวัดอยู่ในมือ ท่านวัดได้หนึ่งพันศอก แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไป และน้ำลึกเพียงตาตุ่ม
4 แล้วท่านก็วัดได้อีกหนึ่งพัน แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไปและน้ำลึกถึงเข่า แล้วท่านก็วัดได้อีกหนึ่งพัน แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไป น้ำนั้นลึกเพียงเอว
5 แล้วท่านก็วัดได้อีกหนึ่งพัน และกลายเป็นแม่น้ำที่ข้าพเจ้าลุยข้ามไม่ได้ เพราะน้ำนั้นขึ้นแล้วลึกพอที่จะว่ายได้ เป็นแม่น้ำที่ลุยข้ามไม่ได้
6 และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า "บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย เจ้าเห็นสิ่งนี้หรือ" แล้วท่านก็พาข้าพเจ้ากลับมาตามฝั่งแม่น้ำ
7 ขณะเมื่อข้าพเจ้ากลับ ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นต้นไม้มากมายอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำทั้งสองฟาก
8 และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า "น้ำนี้ไหลตรงไปทางท้องถิ่นตะวันออก และไหลลงไปถึงอารบา และเมื่อน้ำไหลออกมานั้นไปถึงน้ำทะเล น้ำนั้นก็กลับจืดดี
9 แม่น้ำนั้นไปถึงที่ไหน สัตว์มีชีวิตที่อยู่กันเป็นฝูงก็จะมีชีวิตได้ และที่นั่นมีปลามากมาย เพราะว่าน้ำนี้ไปถึงที่นั่นน้ำทะเลก็จืด เพราะฉะนั้นแม่น้ำไปถึงไหน ทุกสิ่งก็มีชีวิต
10 ชาวประมงก็ยืนอยู่ที่ข้างทะเล จากเอนเกดีถึงเอนเอกลาอิม จะเป็นที่สำหรับตากอวน ปลาในที่นั้นมีหลายชนิด เหมือนปลาในทะเลใหญ่
11 แต่ที่เป็นบึงและหนองน้ำจะไม่จืด ต้องทิ้งไว้ให้เป็นเกลือ
12 ตามฝั่งทั้งสองฟากแม่น้ำ มีต้นไม้ทุกชนิดที่ใช้เป็นอาหาร ใบของมันจะไม่เหี่ยวและผลของมันจะไม่วาย แต่จะเกิดผลใหม่ทุกเดือน เพราะว่าน้ำสำหรับต้นไม้นั้นไหลจากสถานนมัสการ ผลไม้นั้นใช้เป็นอาหารและใบก็ใช้เป็นยา" (เอเสเคียล 47:1-12)


พระธรรมตอนนี้ ทำให้เราได้เห็นภาพที่สวยงาม มีพระวิหารเป็นศูนย์กลาง มีธารน้ำไหลออกมาจากใต้ธรณีของประตูพระวิหารนั้น ธารน้ำนี้ ไม่ใช่น้ำที่ท่วมทำให้บ้านเมืองเสียหาย แต่เป็นธารน้ำที่นำมาซึ่งพระพร น้ำนี้ไปถึงที่ไหน ที่นั่นก็เกิดชีวิต ต้นไม้ทั้งสองฝั่งก็เกิดผลทุกเดือน ผลไม้นั้นเป็นอาหาร ใบไม้เป็นยา น้ำนั้นไปถึงที่ใดก็มีปลาเกิดขึ้น มีปลาหลากหลายชนิดมากมายแหวกว่ายอยู๋ในธารน้ำ แม่น้ำนี้ไหลไปถึงที่ไหน ทุกสิ่งก็มีชีวิต แม้น้ำในทะเลตายที่เค็มที่สุดในโลก เค็มกว่าน้ำทะเลทั่วไป 6 เท่า ก็กลายเป็นน้ำจืด

ภาพดังกล่าว มีนักวิชาการหลายท่านเชื่อว่าเป็นสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ในช่วงยุคพันปี แต่แท้จริงแล้วภาพนี้ก็ได้สะท้อนให้เราเห็นถึงน้ำพระทัยของพระเจ้า ที่พระองค์ทรงประสงค์ให้คริสตจักรในโลกนี้เป็น พระองค์ปรารถนาให้คริสตจักรเป็นเหมือนพระวิหารที่มีธารน้ำแห่งพระพร ที่เมื่อไหลไปสู่ที่ใด พระพรของพระเจ้าก็ไปถึงที่นั่น

 

1. คริสตจักรต้องเป็นแหล่งแห่งพระพร


1 แล้วท่านก็นำข้าพเจ้ากลับมาที่ประตูพระวิหาร และดูเถิด มีน้ำไหลออกมาจากใต้ธรณีประตูพระวิหาร ตรงไปทางทิศตะวันออก (เพราะพระวิหารหันหน้าไปทางทิศตะวันออก) และน้ำไหลลงมาจากข้างล่าง ปลายใต้ของธรณีประตูพระวิหาร ทิศใต้ของแท่นบูชา
2 แล้วท่านจึงนำข้าพเจ้าออกมาทางประตูเหนือ และนำข้าพเจ้าอ้อมไปภายนอกถึงประตูชั้นนอก ซึ่งหันหน้าไปทางตะวันออก และน้ำนั้นออกมาทางด้านใต้ (เอเสเคียล 47:1-2)


ธารน้ำนั้นมาจากใต้ธรณีประตูพระวิหาร แสดงให้เห็นว่าที่ที่พระเจ้าทรงสถิตจะเต็มไปด้วยพระพรของพระเจ้า คริสตจักรใดมีพระเจ้าดำรงอยู่ด้วย คริสตจักรนั้นก็จะเต็มไปด้วยพระพรของพระเจ้า

ข้าพเจ้าได้ไปเยี่ยมเยียนคริสตจักรแห่งหนึ่งในเกาหลี เมื่อได้เห็นก็นึกว่าเป็นการฉลองช่วงเทศกาลคริสตมาส เพราะว่าพบบ้านที่เป็นหลังคามุงจากและยุ้งฉางตั้งอยู่บนเวที หลังจากนมัสการเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าก็เดินไปถามผู้รับใช้พระเจ้า ว่าทำไมจึงมีบ้านมุงจากตั้งอยู่ที่นี่ แม้จะไม่ได้รับการพูดถึงเลย

ท่านจึงเริ่มเล่าให้ฟังว่า นั่นเป็นคริสตจักรแรกของเขา ตั้งไว้เพื่อเตือนความทรงจำของพี่น้องทั้งหลาย ว่าพระเจ้าทรงประทานพระพรมากมายแก่คริสตจักรอย่างไร

คริสตจักรใหญ่ ๆ ควรจะมีโอกาสได้ระลึกถึงตนเองในช่วงเริ่มต้น เราต่างทราบดีว่าพระเจ้าทรงประทานพระพรแก่คริสตจักรมากเหลือจะพรรณนา

คริสตจักรแห่งพระพร จะมีน้ำแห่งชีวิตที่พระเจ้าทรงโปรดประทานให้ เป็นพรที่ใครก็สามารถมารับได้ เพราะเต็มด้วยแม่น้ำแห่งพระพร

พระวิญญาณและเจ้าสาวตรัสว่า "เชิญมาเถิด" และให้ผู้ที่ได้ยินคำกล่าวว่า "เชิญมาเถิด" และให้ผู้ที่กระหายเข้ามา ผู้ใดมีใจปรารถนา ก็ให้ผู้นั้นมารับน้ำแห่งชีวิต โดยไม่ต้องเสียอะไรเลย (วิวรณ์ 22:17)

คริสตจักรที่เต็มไปด้วยพระพร เป็นคริสตจักรที่เปิดออก ให้คนทั้งหลายได้เข้ามา และรับเอาน้ำแห่งชีวิตนี้ เพื่อจะไม่หิวกระหายอีกเลย และไม่ต้องเสียอะไร เพราะนี่เป็นพระคุณของพระเจ้า

 

ศจ. วิรัช เศรษฐ์โสภณกุล

คำเทศนาการนมัสการรวม คริสตจักรสะพานเหลือง

เมื่อวันที่ 07/11/2010

เรื่อง คริสตจักรแห่งพระพร

 

หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น