วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

จริยธรรมของคริสเตียน (5/9)

อย่ากล่าวโทษ (มัทธิว 7:1-2)

"1 อย่ากล่าวโทษเขา เพื่อพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน
2 เพราะว่าท่านทั้งหลายจะกล่าวโทษเขาอย่างไร พระเจ้าจะทรงกล่าวโทษท่านอย่างนั้น และท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด พระเจ้าจะได้ทรงตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น" (มัทธิว 7:1-2)

พระเยซูคริสต์ทรงสรุปคำเทศนาบนภูเขาด้วยมัทธิวบทที่ 7 และตรัสด้วยถ้อยคำเด็ดขาดว่า สำหรับเราผู้ซึ่งเป็นคนของพระเจ้า อย่ากล่าวโทษซึ่งกันและกัน

ภาษาจีน คำว่า "กล่าวโทษ" แปลว่า "พิพากษาตักสิน"

พระเยซูคริสต์ตรัสว่า "อย่าพิพากษาตัดสินกัน"

ทำไมพระเจ้าจึงห้ามไม่ให้คริสเตียนพิพากษากัน?

1. เพราะการพิพากษานั้นไม่ใช่หน้าที่ของเรา แต่เป็นหน้าที่ของพระเจ้าเท่านั้น

อย่าทำหน้าที่แทนพระเจ้า

ถ้าเป็นเช่นนี้ แล้วถ้ามีคดีในคริสตจักรจะทำเช่นไร? เมื่อเราเห็นพี่น้องล้มลงในการทดลอง ในการผิดบาป อย่าพิพากษา เพราะแม้แต่พระเยซูคริสต์เองก็มิได้ทรงเสด็จมาเพื่อพิพากษา

"เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก มิใช่เพื่อพิพากษาลงโทษโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น" ยอห์น 3:17

ดังนั้น เมื่อเห็นพี่น้องคริสเตียนล้มลงในความผิดบาป ท่าทีของเราจึงไม่ใช่การพิพากษา แต่เป็นการเข้าไปช่วย เช่นเดียวกับพระเยซูคริสต์ และเมื่อช่วยก็ต้องมีสติปัญญาด้วย

ในการเดินทางจากจุดสองจุด เส้นตรงก็ย่อมเป็นเส้นที่จะถึงได้เร็วที่สุด ดังนั้น เมื่อได้รู้ว่าพี่น้องผู้ใดล้มลงในความบาป ขอที่เราจะพูดกับเขาสองต่อสองเลย ด้วยความรัก แต่ในชีวิตจริง บางครั้งเมื่อ A รู้ว่า B ล้มลงในความบาป ก็ไม่บอก B โดยตรง แต่กลับฝากให้ CDEFGHIJK ไปบอก B

ขอที่เราจะเข้าไปคุยกับเขาโดยตรง พูดคุยด้วยความรัก แต่ถ้าเขาไม่ฟัง ก็เชิญ 2-3 คนให้เป็นพยาน ถ้าไม่ฟังอีก ก็ให้ประกาศให้คริสตจักรทราบ ทั้งนี้ เพื่อช่วยเขา ไม่ใช่เพื่อการกล่าวโทษ

2. เพราะเราทุกคนไม่ต่างกัน ต่างก็เป็นคนบาป

ต้นปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้เข้าไปในเรือนจำแห่งหนึ่ง ประกาศกับเด็กวัยรุ่นที่อยู่ในเรือนจำ 200 กว่าคน ขณะที่กำลังจะประกาศ ข้าพเจ้าก็ได้พบว่าทางด้านขวามือของข้าพเจ้า มีเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง หัวเกรียน นั่งพื้น กอดออก ไขว่ห้าง ซึ่งดูเหมือนเป็นพวกไม่รับคำสอน ด้วยอากัปกิริยาท่าทาง เหมือนเขากำลังบอกอยู่ว่า "ลื้อดีกว่าอั้วหรือ?"
เมื่อข้าพเจ้าเห็นสายตาเขา ข้าพเจ้าก็ส่งสายตากลับคืน "เดี๋ยวลื้อได้เห็น"

ข้าพเจ้าได้เรียกทีมงานให้นำแก้วมา 2 ใบ เทน้ำสะอาดใส่แก้ว แล้วข้าพเจ้าก็สาธิต

แก้วแรกเป็นแก้วของข้าพเจ้า และแก้วที่สองเป็นแก้วของพวกเขา และให้ซีอิ้วดำเล็งถึงพิษงูเห่า ข้าพเจ้าก็หยดลงในแก้วแรกหนึ่งหยดเดียว และคนให้ทั่ว ซีอิ้วดำก็ละลายน้ำ มองไม่เห็น ส่วนอีกแก้ว ข้าพเจ้าหยดปริมาณนับไม่ถ้วน แก้วก็เปลี่ยนเป็นสีดำ

แล้วข้าพเจ้าก็ถามที่ประชุม "แก้วหนึ่งและแก้วสอง แก้วไหนพิษมากกว่า? พิษอันไหนเห็นชัดกว่า?"

น้อง ๆ ก็ตอบทันทีว่า "แก้วสอง"

ข้าพเจ้าก็กล่าวว่า "แก้วแรกคือข้าพเจ้า คนดี แล้วที่สองคือพวกคุณ คือ คนชั่ว" แต่คำถามต่อมา คือ "แก้วไหนกินแล้วตาย?" พวกเขาก็ตอบว่า "ทั้งสองแก้ว"

"เพราะฉะนั้น คุณและผม ชั่วพอกัน! แล้วแก้วไหนน่ากลัวกว่า?" และข้าพเจ้าก็เฉลยว่า "แน่นอน แก้วแรกน่ากลัวกว่า เพราะมองไม่เห็นพิษ ดังนั้น คนที่ยืนอยู่นี่ ร้ายกว่าพวกคุณเยอะ เพราะเป็นพวกหน้าซื่อใจคด"

ทำไมพระเยซูคริสต์จึงไม่ให้กล่าวโทษ? ก็เพราะเราทุกคนเหมือนกัน

3. เพราะถ้าเราพิพากษาเขา เราก็จะถูกพิพากษา

ถ้าเราพิพากษาอย่างเข้มงวด ในวันสุดท้ายเราก็จะถูกพิพากษาอย่างเข้มงวดเช่นกัน

ครั้งหนึ่ง กษัตริย์ดาวิดอยากได้บัทเชบา ซึ่งเป็นภรรยาของทหารผู้หนึ่งซึ่งกำลังรบอยู่ที่ชายแดน เมื่อคบชู้ เธอก็ตั้งครรภ์ และดาวิดก็ได้วางแผนฆ่าสามีของเธอเสีย เพื่อกลบเกลื่อน สุดท้ายสามีของเธอก็ถูกฆ่าตาย และรับนางเข้ามาเป็นนางสนม

ดาวิดคงจะดีใจ เพราะสมัยก่อนไม่มีหมอพรทิพย์ ตรวจ DNA ไม่ได้ และคิดว่าเรื่องนี้จบลงแล้ว

แต่แล้ววันหนึ่งนาธันมาพบท่าน และพูดให้ดาวิดฟังเลย

"1 พระเจ้าทรงใช้ให้นาธันไปหาดาวิด นาธันก็ไปเข้าเฝ้าและกราบทูลพระองค์ว่า 'ในเมืองหนึ่งมีชายสองคน คนหนึ่งมั่งมี อีกคนหนึ่งยากจน
2 คนมั่งมีนั้นมีแพะแกะและโคเป็นอันมาก
3 แต่คนจนนั้นไม่มีอะไรเลย เว้นแต่แกะตัวเมียตัวเดียวที่ซื้อเขามา ซึ่งเขาเลี้ยงไว้ และอยู่กับเขา มันได้เติบโตขึ้นพร้อมกับบุตรของเขา กินอาหารร่วมและดื่มน้ำถ้วยเดียวกับเขา นอนในอกของเขา และเป็นเหมือนบุตรสาวของเขา
4 ฝ่ายคนมั่งมีคนนั้นมีแขกคนหนึ่งมาเยี่ยม เขาเสียดายที่จะเอาแพะแกะหรือโคของตน มาทำอาหารเลี้ยงคนที่มาเยี่ยมนั้น จึงเอาแกะตัวเมียของชายคนจนนั้นเตรียมเป็น อาหารให้แก่ชายที่มาเยี่ยมตน"
5 ดาวิดกริ้วชายคนนั้นมาก และรับสั่งแก่นาธันว่า 'พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ผู้ชายที่กระทำเช่นนั้นจะต้องตาย
6 และจะต้องคืนแกะให้สี่เท่าเพราะเขาได้กระทำอย่างนี้ และเพราะว่าเขาไม่มีเมตตาจิต'
7 นาธันจึงทูลดาวิดว่า 'ฝ่าพระบาทนั่นแหละคือชายคนนั้น...' " (2ซามูเอล 12:1-7)

ดาวิดใช้มาตรฐานในการพิพากษา คือ เศรษฐีผู้นั้นต้องตาย และนาธันก็ได้เฉลยว่า "ท่านแหละคือชายผู้นั้น"

อย่ากล่าวโทษ เพื่อพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน ถ้าเรากล่าวโทษว่าผู้อื่นไม่สัตย์ซื่อ แล้วเราสัตย์ซื่อกับพระเจ้าหรือเปล่า?

พระเยซูคริสต์มิให้เรากล่าวโทษ แต่ให้ช่วยเหลือ

 

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์

คำเทศนาการนมัสการภาคภาษาจีน คริสตจักรสะพานเหลือง

เมื่อวันที่ 14/11/2010

เรื่อง จริยธรรมของคริสเตียน

 

หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น