วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

งานฟื้นฟู "เราจะไป": ข่าวประเสริฐ (7/7)

4. ข่าวประเสริฐเป็นเรื่องพระคุณของพระเจ้า (2)

เมื่อพระเจ้าทรงเรียกอาจารย์เปาโล พระองค์ทรงใช้คริสเตียนอีกท่านหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก คือ อานาเนีย

"10 ในเมืองดามัสกัสมีศิษย์คนหนึ่งชื่ออานาเนีย องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกับผู้นั้นโดยนิมิตว่า 'อานาเนียเอ๋ย' อานาเนียจึงทูลตอบว่า 'พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์อยู่ที่นี่'
11 พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า 'จงลุกขึ้นไปที่ถนนที่เรียกว่าถนนตรง ถามหาชายคนหนึ่งชื่อเซาโลชาวเมืองทาร์ซัสอยู่ในตึกของยูดาส เพราะดูเถิด เขากำลังอธิษฐานอยู่
12 และเขาได้เห็นคนหนึ่งชื่ออานาเนีย เข้ามาวางมือบนเขา เพื่อเขาจะเห็นได้อีก'
13 แต่อานาเนียทูลตอบว่า 'พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ได้ยินหลายคนพูดถึงคนนั้นว่า เขาได้ทำร้ายวิสุทธิชนของพระองค์ ในกรุงเยรูซาเล็มมาก
14 และในที่นี่เขาได้อำนาจมาจากพวกมหาปุโรหิต ให้ผูกมัดคนทั้งปวงที่อธิษฐานออกพระนามของพระองค์'
15 ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกับท่านว่า 'จงไปเถิด เพราะว่าคนนั้นเป็นภาชนะที่เราได้เลือกสรรไว้ สำหรับจะนำนามของเราไปยังประชาชาติ กษัตริย์และพวกอิสราเอล
16 เพราะว่าเราจะสำแดงให้เขาเห็นว่า เขาจะต้องทนทุกข์ลำบากมากเท่าใดเพราะนามของเรา'
17 แล้วอานาเนียก็ไป และเข้าไปในตึกวางมือบนเซาโล กล่าวว่า 'พี่เซาโลเอ๋ย องค์พระผู้เป็นเจ้า คือพระเยซูได้ทรงปรากฏแก่ท่านกลางทางที่ท่านมานั้น ได้ทรงใช้ข้าพเจ้ามา เพื่อท่านจะเห็นได้อีก และเพื่อท่านจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เต็มบริบูรณ์'
18 และในทันใดนั้นมีอะไรเหมือนเกล็ดตกจากตาของเซาโล แล้วก็เห็นได้อีก ท่านจึงลุกขึ้นรับบัพติศมา" (กิจการ 9:10-18)

ขณะเมื่ออาจารย์เปาโลตาบอดและอธิษฐาน พระเจ้าก็ได้ทรงเรียกอานาเนีย ซึ่งเป็นสาวกคนหนึ่ง และหลังจากเหตุการณ์นี้ก็ไม่มีใครได้ยินเรื่องราวของอานาเนียอีก

ครั้งแรกอานาเนียไม่ยอมไป เพราะกลัว แต่พระเจ้ามีแผนการใหญ่ที่จะใช้ชีวิตอาจารย์เปาโล และพระองค์ประสงค์ที่จะใช้ชีวิตของอานาเนียให้มีส่วนในงานของพระองค์ อานาเนียก็ได้เชื่อฟังพระเจ้า ออกไปหาเปาโล นำเปาโลมาหาพระเจ้า

แม้ว่าเปาโลจะบาปเพียงไร พระเจ้าก็ทรงยกโทษให้ได้ และแม้ว่าอานาเนียจะเล็กน้อยเพียงไร พระเจ้าก็ทรงใช้ได้

และโดยชีวิตของเปาโล เราต้องขอบคุณอานาเนีย ถ้าอานาเนียไม่ออกไป เราอาจไม่มีเปาโล และไม่ทราบว่าจะเป็นเช่นไร แต่เป็นเพราะสาวกคนหนึ่ง ที่ไม่ได้มีความสำคัญมากนัก ได้เชื่อฟังพระเจ้า ออกไป นี่เป็นฤทธิ์เดชของพระกิตติคุณ และฤทธิ์เดชนี้จะขับเคลื่อนชีวิตของเรา

จุดยืนของเราอยู่ที่พระเยซูคริสต์ ถ้าพระองค์ไม่ใช่พระเจ้า ความเชื่อเราก็ไร้ประโยชน์ แต่ถ้าพระองค์เป็นพระเจ้าจริง พระกิตติคุณก็เป็นสิ่งที่มีค่ามากสุด เพราะพระกิตติคุณเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า สามารถช่วยจิตวิญญาณมนุษย์ได้ ถ้าใครเชื่อ เขาจะพบกับความรอด ได้ชีวิตนิรันดร์ ได้สิทธิเป็นบุตรของพระเจ้า พ้นจากการพิพากษา และได้อยู่กับพระเจ้าตลอดไป

นี่เป็นเรื่องจริง เพราะพระคริสต์เมื่อทรงฟื้นขึ้นมา พระองค์ก็ทรงปรากฎพระองค์เองให้กับสาวกของพระองค์ คนเหล่านั้นได้เปลี่ยนแปลงโลก และบัดนี้พระองค์ทรงประทานพระวิญญาณเพื่อยืนยัน เป็นวิญญาณที่อยู่ในเรา

วันที่เราต้อนรับพระคริสต์เข้ามาในชีวิต เป็นวันที่เราให้พระองค์เสด็จมาเป็นส่วนในชีวิตของเรา เราจึงสามารถมีประสบการณ์ฝ่ายวิญญาณกับพระเจ้าได้ เมื่อเรายอมให้พระเจ้าครอบครองชีวิตเรา ขับเคลื่อนชีวิตของเรา

"เราจงประพฤติตัวให้เหมาะสมกับเวลากลางวัน มิใช่เลี้ยงเสพสุราเมามาย มิใช่หยาบโลนลามก มิใช่วิวาทริษยากัน" (โรม 13:13)

คนที่เมาพระวิญญาณ ฤทธิ์ของพระวิญญาณจะนำคนนั้น ที่เขาจะทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า เขาจะไม่กลัวการท้าทายที่มาถึงชีวิตของเขา

เราจะยอมรับการท้าทายหรือไม่? เราจะไม่นั่งอยู่เฉย ๆ แต่เราจะเป็นเหมือนอานาเนีย ที่จะออกไป และพบกับเปาโล และพระเจ้าจะใช้เรา

ขอที่เราจะเห็นคุณค่าของพระกิตติคุณ พระคุณของพระเจ้าจะต้องได้รับการสำแดงให้คนไทยอีกมากมาย มีคนที่เป็นมหาเศรษฐีกำลังรอเรา คนที่จะเข้ามาบริหารประเทศไทยกำลังรอเราอยู่ คนที่พระเจ้าจะใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยกำลังนั่งรอเราอยู่ คนจำนวนมากมายกำลังรอเราอยู่ ขอพระเจ้าใช้เราที่จะออกไป


ศจ. ยุทธศักดิ์ ศิริกุล

สรุปคำเทศนางานฟื้นฟู "เราจะไป" คริสตจักรสะพานเหลือง

เมื่อวันที่ 10/09/2010

เรื่อง ข่าวประเสริฐ

 

หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น