วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

จริยธรรมของคริสเตียน (6/9)

ลักษณะคนชอบธรรมของพระเจ้า (มัทธิว 7:3-5)

"3 เหตุไฉนท่านมองดูผงที่ในตาพี่น้องของท่าน แต่ไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่าน ท่านก็ไม่รู้สึก
4 เหตุไฉนท่านจะกล่าวแก่พี่น้องว่า 'ให้เราเขี่ยผงออกจากตาของเธอ' แต่ที่จริงไม้ทั้งท่อนมีอยู่ในตาของท่านเอง
5 ท่านคนหน้าซื่อใจคด จงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของท่านก่อน แล้วท่านจะเห็นได้ถนัด จึงจะเขี่ยผงออกจากตาพี่น้องของท่านได้" (มัทธิว 7:3-5)

"ผิดคนอื่นมองเห็นเช่นภูเขา ผิดของเรามองเห็นเช่นเศษผง"

มัทธิว 7:3-5 เป็นสุดยอดคำสอน เพราะพระองค์ทรงกำลังกล่าวถึงผู้ชอบธรรมของพระเจ้า

"พระเจ้าทรงชอบธรรม แต่การที่เราเป็นคนชอบธรรมนั้นคนละเรื่อง
พระองค์ไม่มีบาปเลย แต่พวกเราถูกนับว่าเป็นคนชอบธรรมเพราะเราได้รับการอภัยแล้ว"

ลักษณะของคนชอบธรรมของพระเจ้า มี 3 ประการ ได้แก่

1. คนชอบธรรมของพระเจ้า ไม่ใช่ไม่ทำบาปอีกต่อไป แต่จะมีความรู้สึกต่อบาปไม่เหมือนเดิม

ถ้าวันนี้มีไม้ทั้งท่อนทิ่มที่ตา จะรู้สึกหรือไม่? แน่นอน ต้องรู้สึกเจ็บ แต่บางครั้ง ไม้ทั้งท่อนทิ่มทั้งตายังไม่รู้สึก แต่เที่ยวเขี่ยผงออกจากตาผู้อื่น

ลักษณะคนชอบธรรมของพระเจ้า คือ แม้ว่าจะทำบาปเพียงเล็กน้อย แต่จะสำนึกว่าเป็นบาปใหญ่ ต้องรีบเอาออก

"คนชอบธรรมของพระเจ้า ทำบาปเล็ก สำนึกใหญ่
คนไม่ค่อยชอบธรรม ทำบาปใหญ่ สำนึกเล็ก
คนทำบาป แล้วไม่สำนึก ไม่ใช่คน"

ถ้าไม้ทั่งท่อนทิ่มอยู่ที่ตาแล้วไม่รู้สึก ก็ไม่ใช่คน

เมื่อพระเยซูคริสต์ตรัสถึง "คนหน้าซื่อใจคด" พระองค์ทรงคิดถึงฟาริสี ธรรมาจารย์ พวกเขาพิพากษาจนตรึงพระเยซูคริสต์ที่ไม้กางเขน แต่ไม่รู้สึกบาปเลย จนพระองค์ต้องอธิษฐานว่า "โปรดยกโทษให้เขา เพราะเขาไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่"

"ฝ่ายพระเยซูจึงทรงอธิษฐานว่า 'โอพระบิดาเจ้าข้า ขอโปรดอภัยโทษเขาเพราะว่า เขาไม่รู้ว่า เขาทำอะไร' ..." (ลูกา 23:34)

พวกเขาไม่รู้ว่ากำลังทำบาปอยู่ เป็นเหมือนสัตย์เดียรัจฉาน

คนชอบธรรม ไม่ใช่ไม่ทำบาป แต่เมื่อทำบาปจะสำนึก และรีบนำออก

2. คนชอบธรรมของพระเจ้า ต้องเข้มงวดกับตัวเอง แต่ใจกว้างกับผู้อื่น

แต่ส่วนมากจะกลับกัน กับตัวเองใจกว้างมาก แต่กับคนอื่นล่ะ น่าดู นี่ไม่ใช่ลักษณะคนชอบธรรมของพระเจ้า เพราะคนชอบธรรมต้องเคร่งครัดกับตัวเอง

3. คนชอบธรรมของพระเจ้า รับความเมตตาจากพระเจ้าเช่นไร ก็จะเมตตากับผู้อื่นเช่นนั้น

"23 เหตุฉะนั้นแผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนเจ้าองค์หนึ่งทรงประสงค์จะคิดบัญชีกับทาส
24 เมื่อตั้งต้นทำการนั้นแล้ว เขาพาคนหนึ่งซึ่งเป็นหนี้หนึ่งหมื่นตะลันต์(หนึ่งตะลันต์ มีค่าประมาณสองหมื่นบาท) มาเฝ้า
25 ท่านจึงสั่งให้ขายตัวกับทั้งเมีย และลูกและบรรดาสิ่งของที่เขามีอยู่นั้นเอามาใช้หนี้ เพราะเขาไม่มีเงินจะใช้หนี้
26 ทาสลูกหนี้ผู้นั้นจึงกราบลงวิงวอนว่า 'ข้าแต่ท่าน ขอโปรดผัดไว้ก่อน แล้วข้าพเจ้าจะใช้หนี้ทั้งสิ้น'
27 เจ้าองค์นั้นมีพระทัยเมตตา โปรดยกหนี้ปล่อยตัวเขาไป
28 แต่ทาสผู้นั้นออกไปพบคนหนึ่งเป็นเพื่อนทาสด้วยกัน ซึ่งเป็นหนี้เขาอยู่หนึ่งร้อยเดนาริอัน(หนึ่งเดนาริอัน เป็นเงินเท่าค่าแรงงานกรรมกรคนหนึ่งในวันหนึ่ง ดูหน้า 60) จึงจับคนนั้นบีบคอว่า 'จงใช้หนี้ให้ข้า'
29 เพื่อนทาสคนนั้นได้กราบลงอ้อนวอนว่า 'ขอโปรดผัดไว้ก่อนแล้วข้าพเจ้าจะใช้ให้'
30 แต่เขาไม่ยอม จึงนำทาสลูกหนี้นั้นไปจำจองไว้จนกว่าจะใช้เงินนั้น
31 ฝ่ายพวกเพื่อนทาสเมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น ก็พากันสลดใจยิ่งนัก จึงนำเหตุการณ์ทั้งปวงไปกราบทูลเจ้าองค์นั้น
32 ท่านจึงทรงเรียกทาสนั้นมาสั่งว่า 'อ้ายข้าชาติชั่ว เราได้โปรดยกหนี้ให้เอ็งหมด เพราะเอ็งได้อ้อนวอนเรา
33 เอ็งควรจะเมตตาเพื่อนทาสด้วยกัน เหมือนเราได้เมตตาเอ็งมิใช่หรือ'
34 แล้วเจ้าองค์นั้นกริ้ว จึงมอบผู้นั้นไว้แก่เจ้าหน้าที่ให้ทรมาน จนกว่าจะใช้หนี้หมด
35 พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะทรงกระทำแก่ท่านทุกคนอย่างนั้น ถ้าหากว่าท่านแต่ละคนไม่ยกโทษให้แก่พี่น้องของท่านด้วยใจกว้างขวาง" (มัทธิว 18:23-35)

พระเจ้าเมตตาเราอย่างไร เราต้องเมตตาให้แก่ผู้อื่นเช่นนั้น พระองค์ทรงให้เราเอาไม้ทั้งท่อนออกจากตา ก่อนที่จะเขี่ยผงจากนัยน์ตาของพี่น้อง

เขี่ยผง หมายถึง เข้าไปช่วยเหลือ ไม่ใช่พิพากษา แต่ช่วยให้เขากลับตัว

 

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์

คำเทศนาการนมัสการภาคภาษาจีน คริสตจักรสะพานเหลือง

เมื่อวันที่ 14/11/2010

เรื่อง จริยธรรมของคริสเตียน

 

หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น