วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2554

ชีวิตแห่งความเชื่อ (1/8)


1 พระองค์ตรัสคำอุปมาเรื่องหนึ่งให้เขาฟัง เพื่อสอนว่าคนทั้งหลายควรอธิษฐานอยู่เสมอ ไม่อ่อนระอาใจ
2 พระองค์ตรัสว่า "ในนครหนึ่งมีผู้พิพากษาคนหนึ่ง ที่มิได้เกรงกลัวพระเจ้าและมิได้เห็นแก่มนุษย์
3 ในนครนั้นมีหญิงม่ายคนหนึ่งมาหาผู้พิพากษาผู้นั้นพูดว่า 'ขอให้ความยุติธรรมแก่ข้าพเจ้าในการสู้ความเถิด'
4 ฝ่ายผู้พิพากษานั้นไม่ยอมทำจนช้านาน แต่ภายหลังเขานึกในใจว่า 'แม้ว่าเราไม่ยำเกรงพระเจ้า และไม่เห็นแก่มนุษย์
5 แต่เพราะแม่ม่ายคนนี้มากวนเราให้ลำบาก เราจะให้ความยุติธรรมแก่นาง เพื่อมิให้นางมารบกวนบ่อยๆให้เรารำคาญใจ' "
6 และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "จงฟังคำที่ผู้พิพากษาอธรรมนี้ได้พูด
7 พระเจ้าจะไม่ทรงประทานความยุติธรรมแก่คนที่พระองค์ได้ทรงเลือกไว้ ผู้ร้องถึงพระองค์ทั้งกลางวันกลางคืนหรือ พระองค์จะอดพระทัยไว้ช้านานหรือ
8 เราบอกท่านทั้งหลายว่า พระองค์จะทรงประทานความยุติธรรมให้เขาโดยเร็ว แต่เมื่อบุตรมนุษย์มา ท่านจะพบความเชื่อในแผ่นดินโลกหรือ" (ลูกา 18:1-8)


พระคริสต์ได้ยกคำอุปมา ว่ามีผู้พิพากษาท่านหนึ่ง ซึ่งมิได้เกรงกลัวพระเจ้า และไม่ได้เห็นแก่มนุษย์ ผู้พิพากษานี้เป็นตัวแทนของยุคสมัยของคนไม่เชื่อ

และหญิงหม้ายผู้นี้ มีความทุกข์ และมาร้องทุกข์กับผู้พิพากษาเพื่อให้เขาแก้ไขกรณีของเธอ แม่หม้ายนี้มีความเชื่อ เป็นตัวแทนของผู้ที่มีความเชื่อ

เรารู้ว่าคริสเตียนคือผู้ที่มีความเชื่อ แต่ในประโยคสุดท้าย พระคริสต์ได้ตรัสว่า "แต่เมื่อบุตรมนุษย์มา ท่านจะพบความเชื่อในแผ่นดินโลกหรือ"

ในกลุ่มของผู้เชื่อ มีหลายคนที่ไม่ได้มีความเชื่อที่แท้จริง ขณะที่หลายคนมีพยานแห่งความเชื่อที่แท้จริงออกมา

วันนี้ ขอที่เราจะสำรวจตนเอง ว่าความเชื่อของเราเป็นความเชื่อแบบใด และเราจะเรียนรู้จากแม่หม้ายท่านนี้

 

1. หาคนที่จะพึ่งได้ (1)

หญิงหม้ายผู้นี้ หาผู้ที่จะไว้วางใจ หาคนที่จะแก้ความทุกข์ของเธอ และเห็นว่าผู้พิพากษาคนนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาของเธอได้

ในช่วงชีวิตของเราจะต้องมีการเลือก ว่าเราจะเชื่อใคร

หญิงหม้ายคนนี้ ได้เชื่อในผู้พิพากษาผู้นี้ เชื่อว่าเขาจะช่วยเธอได้ แต่ต่อมาพบว่าผู้พิพากษานี้ไม่ดี แล้วทำไมยังต้องมา? จุดประสงค์ที่พระเยซูคริสต์ทรงยกคำอุปมานี้คืออะไร? ผู้พิพากษาท่านนี้ในใจไม่มีพระเจ้า ไม่เกรงใจใคร แล้วจะช่วยเธอได้หรือ?

พระเยซูคริสต์ทรงยกเอาเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบพระบิดากับผู้พิพากษาท่านนี้

พระเจ้าทรงยุติธรรม เต็มด้วยความเมตตา เราสมควรที่จะพึ่งวางใจในพระองค์ นอกจากพระเจ้าแล้วเราจะเชื่อใครได้อีก!

หลายคนพึ่งตัวเอง ไม่พึ่งพระเจ้า แท้จริงใครเล่าที่จะพึ่งตนเองได้ นั่นคือการโกหกตัวเองและโกหกผู้อื่นด้วย

มนุษย์ไม่สามารถพึ่งตัวเองในการดำเนินชีวิตอยู่

ตอนเด็กเล็ก ๆ เราก็ต้องพึ่งพ่อแม่ ถ้าไม่มีพ่อแม่เลี้ยงดู เราจะเติบใหญ่ได้อย่างไร

เมื่ออยู่โรงเรียน เราก็พึ่งครูบาอาจารย์ เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับเรา

เมื่อทำงาน เราก็ต้องพึ่งนายจ้าง และนายจ้างก็ต้องพึ่งลูกจ้างเช่นกัน

ไม่ว่าจะทำการเล็กหรือการใหญ่ เราก็ต้องพึ่งผู้อื่น อาศัยความร่วมมือกับผู้อื่น ดังนั้น มนุษย์จะพึ่งตัวเองไม่ได้

คริสเตียนกับผู้ที่ไม่เชื่อต่างกันอย่างไร? ผู้ที่เราเชื่อวางใจคือพระเจ้า

ในยุคสมัยที่ไม่มีความเชื่อนี้ ถ้าเราเลือกวางใจผู้ที่จะวางใจผิด ก็จะเหมือนที่อิสราเอลได้หนีห่างจากพระเจ้า แม้ว่าเขาจะได้รับการทรงนำจากพระเจ้าออกจากอียิปต์ แต่เขาก็กลับลืมพระองค์ กราบไหว้พระอื่น และในที่สุดก็ล้มเหลว

เราเชื่อในพระเยซูคริสต์ เราได้รับพระคุณความรอดเพราะเราได้เชื่อในพระองค์

แต่ถ้าเราสนใจแต่ตัวเอง พึ่งแต่ตัวเอง แล้วเราจะมีความรู้สึกว่าตัวเองต่อสู้ได้ด้วยมือเปล่าจนประสบความสำเร็จ

 

ศจ. วิวัฒน์ วงศ์สันติชน

คำเทศนาการนมัสการภาคภาษาจีน คริสตจักรสะพานเหลือง

เมื่อวันที่ 10/04/2011

เรื่อง ชีวิตแห่งความเชื่อ

 

หมายเหตุ: ถ้าพี่น้องพบว่ามีข้อความส่วนใดที่ผิดพลาด รบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ เพื่อจะได้รีบทำการแก้ไขครับ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดพลาดในการสรุปของผมเองครับ ขอบคุณครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น